สทน. แจง ไม่เคยรับรองการประหยัดพลังงานของสาย Ensave เพียงตรวจสอบองค์ประกอบของธาตุให้เท่านั้น หวั่นทำคนเข้าใจผิด


จากกรณีที่มีการเผยแพร่การจำหน่ายอุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำมันที่ชื่อ Ensave สายพลังงานประหยัดน้ำมัน โดยระบุว่าเป็นเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น ใช้กับรถยนต์สามารถทำให้ประหยัดน้ำมันลงกว่า 20% โดยระบุ "สถาบันนิวเคลียร์" เป็นผู้รับรอง และมีการแสดงเอกสารตรวจสอบปริมาณรังสีที่ สทน.ออกให้นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 65 รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี บริษัท เอสบีพี อินโนเวชั่น จำกัด ได้มาขอรับบริการตรวจวิเคราะห์ธาตุของสาย Ensave ซึ่งเป็นงานบริการปกติของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) และค่าบริการปกติตามอัตราที่ สทน.กำหนด โดยได้รับสินค้ามา เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 65 สทน.ได้ตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบธาตุ โดยวิธี X-rays Fluorescent (XRF) และออกผลให้เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 65 ซึ่งในเอกสารแจ้งผลว่าพบธาตุใดบ้างที่ประกอบอยู่ในตัวผลิตภัณฑ์ นอกจากนั้น สทน.ยังได้ตรวจปริมาณการแผ่รังสีของผลิตภัณฑ์เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบของธาตุกัมมันตรังสีอยู่ และออกใบรับรองผลปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาจากวัตถุ โดยออกใบรับรองผลการสอบเทียบให้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 65

...



ฉะนั้น ตามที่มีการระบุว่า สทน. ให้การรับรองการประหยัดพลังงานของสายรัดนั้นไม่เป็นความจริง เราไม่มีภารกิจในการตรวจสอบเรื่องการประหยัดพลังงาน และตามหลักวิชาการยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุว่ารังสีที่อยู่ในสายรัดจะทำให้เกิดการแตกตัวของอนุภาคน้ำมันแล้วทำให้เกิดการประหยัดพลังงาน หรือหากผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์มีผลวิจัยนั้นก็ต้องนำออกมาแสดงให้สังคมสิ้นสงสัย และอาจจะมีบางท่านได้ทดลองนำไปใช้แล้วระบุว่าได้ผล นั่นก็เป็นเรื่องของเฉพาะบุคคล

สำหรับสิ่งที่ สทน.เป็นห่วงคือ เรื่องของธาตุกัมมันตรังสีที่เป็นส่วนประกอบของธาตุกัมมันตรังสี ซึ่งสามารถแผ่รังสีเบต้าและแกมมาที่มากกว่า 20 ไมโครซีเวิร์ต/ชั่วโมง ซึ่งบุคคลทั่วไปไม่ควรอยู่ใกล้สายนี้ในระยะประชิดเกิน 20 นาทีต่อวัน



"จึงขอให้ทางผู้ผลิตหรือจัดจำหน่ายสาย Ensave หยุดอ้างผลวิเคราะห์องค์ประกอบธาตุการและแผ่ปริมาณรังสีที่ สทน.ออกผลวิเคราะห์ให้ เนื่องจากไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติที่ทางบริษัทฯ นำไปใช้ในการจำหน่ายสินค้า เนื่องจากจะทำให้คนเข้าใจผิดและตีความไปว่า สทน. รับเรื่องการประหยัดพลังงาน สำหรับโกดังหรือสถานที่จัดเก็บสินค้านี้ในปริมาณมากๆ อาจจะมีปริมาณรังสีสูง ผู้ที่ดูแลต้องระมัดระวังการได้รับปริมาณรังสีที่เกินค่ามาตรฐานโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว" ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติกล่าว