กรมชลประทาน เร่งนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ ทั้งดำเนินการเองและจากความร่วมมือกับหลายภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เพื่อให้ได้ข้อมูลวางแผนบริหารจัดการน้ำที่ดีและแม่นยำที่สุดสำหรับศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC)

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 65 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า หลายโครงการที่กรมร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นได้คืบหน้าไปมากและบางโครงการจบในปีนี้ ซึ่งการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเข้าช่วยนั้นเพื่อให้ได้ชุดข้อมูลที่ดีที่สุด เร็วเป็นปัจจุบันและลดอุปสรรคในการเข้าสำรวจบางพื้นที่ สำหรับให้บุคลากรกรมชลฯ ใช้ประกอบการพิจารณาบริหารจัดการน้ำให้มีความแม่นยำ และคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกที่แปรปรวนเพิ่มขึ้น

โดยโครงการที่กรมกำลังดำเนินการ อาทิ 1.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ด้วยระบบเรดาร์ Solid-State Polarimetric X-band ซึ่งได้ลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างกรมชลประทานแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่น (MIC) เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 65 ภายหลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ได้เสนอให้กรมชลฯ ดำเนินการเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ เป้าหมาย คือ การตรวจวัดข้อมูลปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่รับน้ำได้อย่างครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักตอนล่าง ทำให้มีชุดการประเมินปริมาณน้ำฝน ปริมาณฝนสะสม ความเข้มฝนและทิศทางของพายุหรือฝน ระบบคาดการณ์ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ และระบบการคาดการณ์น้ำฝน-น้ำท่า นำมาสู่การบริหารสถานการณ์น้ำ การเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนอุทกภัยได้อย่างทันท่วงที แบบ Real-time ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะส่งต่อไปยังศูนย์ SWOC

...

2.โครงการศึกษาวิจัยแนวทางบริหารจัดการน้ำและคุณภาพน้ำที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย โดยกรมชลฯ ได้ร่วมมือกับ Agricultural Development Consultants Association (ADCA) ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยเลือกอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี นำร่อง ซึ่งใช้สนับสนุนในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค

สำหรับโครงการศึกษาวิจัยฯ "The Study of Efficient Water Management System based on the Advance Telemetry Technology" ดำเนินการมาแล้ว 2 ระยะคือ ระยะที่ 1 เป็นโครงการติดตั้งระบบโทรมาตรข้อมูลปริมาณน้ำไหลเข้า (Inflow) และระยะที่ 2 เป็นการศึกษาเรื่องคุณภาพน้ำในพื้นที่อ่างเก็บน้ำบางพระ 1 จุดและในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล 1 จุด และติดตั้งโทรมาตรระดับน้ำเพิ่มอีก 2 จุดคือที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำประแสร์

"ในระหว่างการศึกษากรมชลฯ ได้นำผลศึกษามาใช้ในการบริหารอ่างน้ำทั้งการสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง คลองพระองค์ไชยานุชิตและอ่างเก็บน้ำหนองค้อ ส่งผลให้ไม่กระทบต่อคุณภาพน้ำทั้งในลำน้ำและในอ่างเก็บน้ำ ทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้ในทุกกิจกรรม ไม่มีปัญหาภัยแล้งรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งแนวทางนี้จะขยายผลไปศึกษาที่อ่างเก็บน้ำอื่นๆ ต่อไปเพื่อให้การบริหารน้ำมีความแม่นยำและสามารถบริหารน้ำเกิดประโยชน์สูงสุดในทุกมิติ" นายประพิศ กล่าว

ทั้งนี้มีโครงการที่กรมได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วในปี 2565 คือ โครงการการบูรณาการศึกษาการพยากรณ์ด้านน้ำและอุตุนิยมวิทยาและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย (ADAP-T) เพื่อให้ได้กลยุทธ์สำหรับวางแผนรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ระยะเวลาโครงการ 5 ปี (จบเมื่อเดือนมี.ค.65) โดยโครงการ ADAP-T นี้ เป็นฐานข้อมูลให้ประเทศไทยได้มีแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ซึ่งมีสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ดูแลรับผิดชอบ.