อธิบดีกรมการแพทย์ ชี้ ผู้ป่วยโควิดไม่จำเป็นต้องมานอนข้างถนน กลับไปอยู่บ้านสวมหน้ากากแบบห่างๆ คนในครอบครัวได้ มอง ติดต่อหลายทางเตียงที่เตรียมไว้ก็ไม่ได้ใช้
วันที่ 22 ก.พ. 2565 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีผู้ป่วยชายรายหนึ่งตรวจ ATK แล้วทราบผลเป็นบวก จนต้องนอนข้างถนนเนื่องจากเกรงจะนำเชื้อไปติดคนในครอบครัว ขณะรอทำการตรวจที่โรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น โดยโรงพยาบาลให้เหตุผลว่าเป็นวันหยุดราชการ ซึ่ง นพ.เกรียงไกร นามไธสง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมีการชี้แจงในวันนี้ ว่า เจ้าหน้าที่พยาบาลแนะนำให้กลับบ้าน พร้อมทั้งปฏิบัติตัวตามมาตรการทางการแพทย์ และให้มาตรวจซ้ำในเช้าวันจันทร์ที่ 21 ก.พ. ซึ่งผู้ป่วยมาตามที่แนะนำ แต่เนื่องจากมีผู้รับบริการเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร ทางโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีจึงขออภัยในข้อผิดพลาดดังกล่าว และพร้อมจะเปิดบริการตรวจคัดกรองในวันหยุดราชการตั้งแต่ 26 ก.พ. เป็นต้นไป
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่สามารถกลับบ้านได้จริงๆ จะทำอย่างไรในช่วยระยะเวลารอคอย นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวได้คุยกับผู้ป่วยรายนี้โดยตรง พร้อมระบุว่าอันดับแรกผู้ป่วยควรจะโทรสายด่วน สปสช. 1330 ซึ่งไม่แน่ใจว่าโทรหรือยัง ซึ่ง ณ ตอนนี้เราพยายามประกันว่าไม่เกิน 6 ชั่วโมงจะมีคนติดต่อกลับ
“ต้องขอบคุณคนไข้คนนี้ที่เกรงว่าจะติดลูกกับภรรยา แต่ความเป็นจริงกลับไปอยู่บ้าน แล้วก็อยู่ห่างๆ ใส่แมสก์ตลอดเวลาได้ ไม่ได้จำเป็นต้องมานอนอย่างนี้ เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ก็เป็นห่วงลูก พวกเราที่เป็นหมอทุกคนเราพยายามเข้าใจคนไข้ทุกคน แต่ว่าความเป็นจริงแล้วเราก็มีกระบวนการที่เตรียมไว้แล้ว ณ วันนั้นเข้าใจว่ามีโทร. 1669 ด้วย ศูนย์เอราวัณก็เตรียมจะเอาเข้า CI (Community Isolation) ทางนี้ก็เตรียมจะเอาเข้าวอร์ดถ้ามีอาการมาก แต่ว่าคนไข้ไปนอน Hospitel ก่อนแล้ว”
...


นพ.สมศักดิ์ ระบุต่อไปว่า ทำอย่างไรเราจะมีความร่วมมือกันทุกภาคส่วนได้ พรุ่งนี้ (23 ก.พ. 2565) กรมการแพทย์จะเชิญภาคประชาสังคมทั้งหมดมาพูดคุยกันช่วงบ่าย เพื่อจัดระบบสิ่งเหล่านี้ว่าถ้าติดต่อที่ใดที่หนึ่งขอให้ชัดเจนสักอัน หลายทางก็กลายเป็นว่าหลายคนก็เตรียมไว้ กลายเป็นว่าเตียงที่เตรียมไว้ก็ไม่ได้ใช้อีก ต้องไปนอนที่อื่น อยากให้ประสิทธิภาพการดูแลคนไข้ดีที่สุด
ส่วนคำถามถึงภาพรวมการครองเตียง นพ.สมศักดิ์ เผยว่า ดูการครองเตียงทุกวัน ภาพรวมปริมาณการครองเตียงยังอยู่ที่ประมาณแค่ 60% แต่บางโรงพยาบาลเต็ม พร้อมยกตัวอย่างการครองเตียงที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) จะครองเตียง 80-90% เราใช้วิธีการหมุน คือ เอาเข้ามาอยู่โรงพยาบาล โดยเฉพาะเด็กเล็ก พ่อแม่เป็นห่วง ก็เข้ามาอยู่โรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน พออาการคงที่ ดูแล้วไม่มีอะไรแน่นอนเราก็ขอให้กลับไป Home Isolation (HI) เพื่อจะรับคนใหม่เข้ามา ทางด้านตัวเลขที่นครราชสีมา เตียงสีแดง กับเตียงสีเหลือง เหลือ แต่เตียงสีเขียวมีอยู่ 1 วันที่เป็น 100% เมื่อวานนี้ (21 ก.พ. 2565) ลดลงมาเหลือ 80-90%

“เข้าใจว่าพี่น้องประชาชนอยากนอนโรงพยาบาลมากกว่า แต่ก็อยากขออนุญาตกราบวิวงวอนอีกครั้งว่าอยากให้เก็บสำรองเตียงในโรงพยาบาลสำหรับคนที่จำเป็นต้องนอน เช่น แม้จะเป็นสีเขียวแต่มีโรคร่วมที่ควบคุมไม่ได้ บางคนเป็นโรคหัวใจ ช่วงนั้นอาจจะเหนื่อยผิดปกติ หรือมีโรคอื่นๆ ร่วมเข้ามาอีก ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งจะจัดเป็นสีเหลืองถึงแม้อาการโควิดจะไม่มีอะไร เพราะฉะนั้น โดยเฉลี่ยเตียงยังพอมี แต่อาจจะตึงเป็นบางโรงพยาบาล”
...
ขณะที่เรื่องคณะรัฐมนตรีให้กลับไปทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยให้ชะลอประกาศเรื่องข้อกำหนดเกณฑ์รักษาผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน (UCEP) ซึ่งจะให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาฟรีตามสิทธิ์การรักษาของแต่ละคนนั้น ทำให้แพทย์หน้าใสขึ้น เพราะในช่วงที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หากมีหลายภาคส่วนมาช่วยกันรับก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะฉะนั้นตอนนี้โควิด-19 ยังไม่ถูกนำออกจาก UCEP ยอมรับว่าประชาชนเกิดความสับสนในการเข้ารักษา และพยายามเข้าใจประชาชนว่า HI ไม่สะดวก CI ก็ไม่อยากไป อยากไปนอน Hospitel ขอเรียนว่า Hospitel อาจจะน้อยลงเพราะเราจำกัดค่าใช้จ่ายสีเขียว หลักๆ อาจจะเป็น Hotel Isolation ที่ภาคเอกชนก็ยังทำได้.