ผงะ ผลสำรวจยอดตำรวจเป็นหนี้ทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์กับสถาบันการเงิน รวม 272,986 ล้านบาท เฉพาะหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ ยอดคนกู้มากกว่าจำนวนกำลังพล เป็นเพราะตำรวจ 1 คนเป็นสมาชิกได้หลายแห่ง สุดเศร้าบางรายเกษียณอายุแล้วยังใช้หนี้ไม่หมด ล่าสุด 15 พ.ย.64 ข้อมูลกำลังพลมีทั้งสิ้น 205,840 คน เป็นหนี้สิน 164,291 คน หรือ 80% ด้าน ตร.เร่งหาสหกรณ์ต้นแบบนำร่องแก้ปัญหา รวมทั้งพิจารณาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ต้นแบบ
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กังวลปัญหาหนี้สินครัวเรือนจากวิกฤติโควิด-19 ที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี ตั้งเป้าให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือนให้สำเร็จให้ได้ โดย 2 กลุ่มอาชีพเป้าหมายสำคัญ มีปัญหาหนี้สินที่หมักหมมมาช้านาน นั่นคือ กลุ่มข้าราชการครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งดำเนินการแก้ปัญหา
ผงะ ตำรวจทั้งกรมยอดหนี้รวม 2.7 แสนล้านบาท วันที่ 3 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.64 พล.ต.ต.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผบก.สก. มีบันทึกข้อความส่วนราชการ สก. ที่ 0009.332/4395 ลงวันที่ 29 พ.ย.64 ถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แจ้งผลสำรวจข้อมูลสถานภาพกำลังพลข้าราชการในภาพรวมเมื่อ ก.ย.64 มีข้าราชการตำรวจทั้งสิ้น 219,551 คน แยกเป็นชั้นสัญญาบัตร 89,430 คน ชั้นประทวน 130,121 คน เป็นหนี้สินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ 245,535 ราย วงเงินหนี้สินประมาณ 203,217 ล้านบาท เหตุผลที่จำนวนคนกู้มากกว่าจำนวนกำลังพลปัจจุบัน เนื่องจากตำรวจบางรายที่เกษียณอายุราชการแล้วยังต้องผ่อนชำระอยู่ และแต่เดิมเปิดโอกาสให้ตำรวจ 1 ราย เป็นสมาชิกได้หลายสหกรณ์
ส่วนข้อมูลหนี้สินกับสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีผู้เป็นหนี้สินประมาณ 37,197 ราย วงเงินหนี้สิน 28,129 ล้านบาทเศษ ธนาคารออมสิน มีผู้เป็นหนี้สินประมาณ 36,102 ราย วงเงินหนี้สิน 21,140 ล้านบาทเศษ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีผู้เป็นหนี้สิน 58,936 ราย วงเงินหนี้สิน 20,500 ล้านบาทเศษ รวมยอดหนี้สินทั้งหมด 272,986 ล้านบาทเศษ
...
ต่อมาวันที่ 15 พ.ย.64 ได้สำรวจข้อมูลสถานภาพ กำลังพลข้าราชการตำรวจ มีทั้งสิ้น 205,840 คน ตำรวจไม่มีหนี้สิน 41,189 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ตำรวจเป็นหนี้สิน 164,291 คน ได้จัดกลุ่มหนี้สินออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มสีเขียว 161,868 คน คิดเป็น 78.8 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มสีเหลือง 1,751 คน คิดเป็น 0.9 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มสีแดง 672 คน คิดเป็น 0.3 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาหนี้สินฯ เมื่อ 23 พ.ย.64 ได้พิจารณาแนวทางแก้ไข ปัญหา เห็นควรให้คณะทำงานฯ ระดับ ตร. คัดเลือกสหกรณ์ต้นแบบนำร่องในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งพิจารณาแหล่งเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ต้นแบบนั้น
ล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.64 พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีบันทึกข้อความส่วนราชการ ตร. ถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า, ผบก. หรือตำแหน่งเทียบเท่าในสังกัด สง.ผบ.ตร. กำหนดการแก้ไขปัญหาหนี้สินออกเป็นห้วงระยะเวลาการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ดังนี้ ระยะที่ 1 ตั้งแต่ 9 เม.ย.64 ถึง 15 ต.ค.64 มีผู้สมัครใจเข้าร่วม โครงการ 5,571 ราย ในภาพรวม ตร. คณะทำงานฯ ระดับ บช. และระดับ บก. ได้แก้ไขสำเร็จ 2,536 ราย คิดเป็น 46 เปอร์เซ็นต์ คงเหลือผู้เข้าร่วมโครงการ 3,035 ราย ให้นำไปดำเนินการแก้ไขในระยะที่ 2
ระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.64 ถึง 15 พ.ย.64 มีผู้เข้าร่วมโครงการจากระยะที่ 1 3,035 ราย มีผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น 1,607 ราย รวมเป็น 4,642 ราย แก้ไขสำเร็จ 87 ราย คงเหลือ 4,555 ราย ที่จะดำเนินการต่อในระยะที่ 3 ตั้งแต่ 16 พ.ย.64 ถึง 15 มี.ค.65 ทั้งนี้ คณะทำงานฯระดับ ตร. ได้ประชุมหารือพร้อมกำหนดวัตถุประสงค์และคุณสมบัติของสหกรณ์ต้นแบบ ดังนี้ 1.ต้องเป็นสหกรณ์นำร่องในการแก้ปัญหาหนี้สินให้แก่สมาชิก นำหลักเกณฑ์ วิธีการที่กำหนดมาทดลองในการลดต้นทุนต่างๆ เช่น กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราดอกเบี้ยต่ำ การใช้สินทรัพย์ และ Future income ที่มีมายุบ ยอดหนี้ให้ลดลง เพื่อให้สมาชิกมีเงินเดือนเหลือใช้ในการดำรงชีพ เป็นต้นแบบให้สหกรณ์อื่นนำไปใช้ 2.เพื่อช่วยเหลือสมาชิกในการกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ หากมีเงินเหลือเพียงพอในการที่จะช่วยเหลือสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานในสังกัด ตร. ที่ขาดสภาพคล่องด้วยการให้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
3.เพื่อให้เป็นแหล่งออมเงินและส่งเสริมความมั่นคงทางด้านการเงินให้กับข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ ให้คณะทำงาน บช.ภ.1-9 พิจารณาคัดเลือกสหกรณ์ออมทรัพย์ในสังกัดที่มีศักยภาพและ สมัครใจที่จะเป็นสหกรณ์ต้นแบบในการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ ในสังกัด บช. ละ 1 แห่ง ตามวัตถุประสงค์และคุณสมบัติ ข้างต้น สำหรับคณะทำงาน บช.อื่นที่มีสหกรณ์ในสังกัดมากกว่า 1 แห่ง หากมีความประสงค์ที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัด ให้พิจารณาคัดเลือกสหกรณ์ออมทรัพย์ในสังกัดที่มีศักยภาพ และสมัครใจที่จะเป็นสหกรณ์ต้นแบบ บช. ละ 1 แห่ง ส่วน บช. ที่มีสหกรณ์ในสังกัดจำนวนแห่งเดียว สมัครใจหรือไม่ก็ได้ ยกเว้นสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจนครบาล จำกัดรายงานผลสหกรณ์ต้นแบบให้ ตร.ทราบ (ผ่าน ผบก.สก.) ภายใน 7 ม.ค.65