“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ระบุใช้เวลา ไม่นานเพื่อตรวจสอบเรื่องอื้อฉาว ส่งออกถุงมือยางไนไตรเกรดการแพทย์ที่ใช้แล้วไปสหรัฐฯ หลัง “บิ๊กตู่” มอบหมายเป็นประธาน ตรวจสอบข้อเท็จจริง ยันจัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่ปล่อยผ่านแน่นอน

เป็นกรณีอื้อฉาวอีกครั้ง หลังสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ออกมาแฉข้อมูลนักธุรกิจชาวอเมริกันนำเข้าถุงมือยาง ไนไตรเกรดการแพทย์จากบริษัทในประเทศไทย มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 66 ล้านบาท แต่พบทั้งหมดเป็นถุงมือยางเก่าใช้แล้ว บางส่วนถูกล้างทำความสะอาดแต่ยังมีคราบสกปรก คราบเลือดและปั๊มวันที่ย้อนหลังไปกว่า 2 ปี บรรจุอยู่ในกล่อง ที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนแบบบริษัทผู้ผลิตถุงมือยาง รายใหญ่ในประเทศไทย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 26 ต.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ มีหน่วยงานเกี่ยวข้องหลายกระทรวงรวมทั้งตำรวจร่วมเป็นกรรมการและมีอธิบดีกรมส่งเสริม การค้าระหว่างประเทศเป็นเลขานุการ นัดประชุมในช่วงบ่ายที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนับหนึ่งถึงที่มาที่ไป ของข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และต้องดำเนินการอย่างไร ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาแต่คาดใช้เวลาไม่นาน

“คำสั่งให้อำนาจเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงได้ แต่ผมคิดว่าถ้าเรื่องไม่ซับซ้อนอะไรก็จะรีบสรุปโดยเร็ว ยกเว้นกรณีมีข้อมูลซับซ้อน มีรายละเอียดเยอะมากจนต้องใช้เวลานาน ถ้าประชุมแล้วมีความคืบหน้า หรือมีอะไรที่สามารถเปิดเผยได้ก็พร้อมจะชี้แจง ให้ทราบ เบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นการทำผิดกฎหมายของผู้ที่นำสิ่งผิดกฎหมายออกไปนอกประเทศ คำว่า ผิดกฎหมายก็คือ ถุงมือยางซึ่งเป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ใช้แล้วจะส่งออกไปมันมีปัญหาอยู่แล้ว แต่รายละเอียดต้องรอกรรมการผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ข้อมูลก่อน ถ้าตรวจสอบแล้วมีข้อเท็จจริงออกมาและ มีความชัดเจน ผมคิดว่าจะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของประเทศ ในแง่อะไรที่ไม่ถูกต้องเราไม่ปล่อยผ่านและ ไม่สนับสนุน ทั้งหมดต้องจัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด” นายจุรินทร์กล่าว

...

มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ซีเอ็นเอ็นเสนอรายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน ระบุมีเครือข่าย ผู้กระทำผิดในประเทศไทย ส่งถุงมือยางใช้แล้วที่อันตรายไปให้ผู้ซื้อในสหรัฐฯหลายสิบล้านชิ้น หลังความต้องการถุงมือยางพุ่งสูง เพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยตำรวจไทยจับกุมไปแล้ว 1 ราย เมื่อ เดือน ธ.ค.63 แต่จนถึงขณะนี้ยังคงมีผู้กระทำผิดในไทย ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทส่งออกถุงมือยางที่ถูกทางการไทยจับกุมไปก่อนหน้านี้ก็ยัง กลับมากระทำผิดอีก นำถุงมือยางใช้แล้วมาทำความสะอาดบรรจุกล่องเพื่อส่งออก บางส่วนเพิ่งเดินทางถึงสหรัฐฯ เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา