“ตำรวจสอบสวนกลาง” เปิดยุทธการตรวจค้น 7 จุด ทลายเครือข่ายทุจริตคีย์ข้อมูลนำวัคซีนฟรีไปขายให้ผู้ต้องการฉีด ลากคอผู้ต้องหา 7 คน พร้อมหัวโจกเป็นพนักงานรายวันบริษัทโทรศัพท์มือถือ ถูกจ้างมาคีย์ข้อมูลผู้มีสิทธิ์รับวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ แต่เห็นช่องหาเงินเข้ากระเป๋ารับคีย์ข้อมูลหัวละ 200-300 บาท ตั้งแต่เริ่มก่อเหตุได้เงินมาแล้ว 3-4 ล้านบาท หลังจากนั้นเครือข่ายนำไปขายต่อเป็นทอดๆราคา 350-1,700 บาท “อนุทิน” มาแถลงข่าวขอบคุณตำรวจและเจ้าหน้าที่สถานีกลางบางซื่อที่สังเกตเห็นความผิดปกติ ยันไม่มีเจ้าหน้าที่สธ.เกี่ยวข้อง ตำรวจยังสืบสวนต่อเพื่อขุดรากถอนโคนเครือข่ายทั้งหมด

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการลุยจับแก๊งขายวัคซีน เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 27 ก.ย. พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ประจำ บช.ก. พ.ต.อ.วริศร์สิริภ์ สีละสิริ รอง ผบก.อก.บช.ก.ปฏิบัติราชการ บก.รฟ. และ พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม ผกก.4.บก.รฟ.พร้อมกำลังชุดสืบสวน บก.รฟ.และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง บช.ก. ปูพรมตรวจค้น 7 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตลงทะเบียนวัคซีน

จุดสำคัญเจ้าหน้าที่นำกำลังตรวจค้นห้องเลขที่ 310 ทิวลิป อพาร์ตเมนต์ ถนนรัชดาซอย 3 แยก 18 แขวงสามเสนนอก เขตดินแดง กทม. จับกุม น.ส.ภคมน หอมภักดิ์ อายุ 38 ปี และนายวิชญพงศ์ ธีรอังคณานนท์ อายุ 39 ปี ทั้งคู่เป็นแฟนกัน เป็นพนักงาน

ที่บริษัทโทรศัพท์จ้างมาคีย์ข้อมูลผู้เข้ารับวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1537-1538/2564 ลงวันที่ 22 ก.ย.64 ข้อหาร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ข้อหาร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกัน การเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน โดยร่วมกันกระทำต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ข้อหาร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยร่วมกันกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะหรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และข้อหาร่วมกันฉ้อโกง

...

ตรวจยึดบัญชีธนาคาร สลากออมสิน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดภายในห้องมาตรวจสอบ สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ถือเป็นตัวหลักในการทุจริตทั้งหมด มีหน้าที่ใส่รายชื่อผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนฟรีลงในระบบของกระทรวงสาธารณสุข แต่นำโควตาไปขายให้ผู้ต้องการรับวัคซีน ทั้งคู่จะได้รับส่วนแบ่ง 200-300 บาทต่อคน ส่วนผู้ทำหน้าที่หาลูกค้าจะไปเรียกเก็บเท่าไหร่เป็นสิทธิ์ของคนหาลูกค้า ส่วนใหญ่นำไปขายราคา 350-1,700 บาท ก่อเหตุมาประมาณ 1 เดือน พบยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 7 ล้านบาท

นอกจากนี้จากการตรวจค้นจุดอื่น ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 5 คน ตามหมายจับศาลอาญาข้อหาเดียวกัน ประกอบด้วยนางสุรีนาฎ ปัทมวิชัยพร อายุ 57 ปี นายจุมพล ศรียาภัย อายุ 49 ปี น.ส.บัณฑิตา รุ่งสว่าง อายุ 39 ปี น.ส.กรรติมา ยางทอง อายุ 40 ปี และนายหทัยชนก บริรักษ์ อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนทำหน้าที่หาผู้ต้องการฉีดวัคซีนทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทาง ราคาตั้งแต่ 350-1,700 บาท

ต่อมาเวลา 11.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข เดินทางมาที่สถานีกลางบางซื่อ โดยมี พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อให้การต้อนรับ พร้อมนัดหมายให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ. นำตัว น.ส.ภคมน หอมภักดิ์ และนายวิชญพงษ์ ธีรอังคณานนท์ มาแถลงข่าว หลังจากนั้นนำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปชี้จุดเกิดเหตุ ให้ น.ส.ภคมนสาธิตการลงทะเบียนที่เคาน์เตอร์เบอร์ 41 และเบอร์ 42 บริเวณประตู 4 โดยนำบัตรประชาชนของสื่อมวลชนมากรอกข้อมูลเข้าระบบ เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของแผนประทุษกรรม

น.ส.ภคมนเผยว่า การกระทำดังกล่าวไม่ได้ตัดโควตาของประชาชนทั่วไป แต่ละวันผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือมีโควตาใช้ลงทะเบียน ตนใช้ตรงจุดนี้ลงทะเบียนรอที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นศูนย์กลางกระจายวัคซีนใหญ่ ทำให้ปริมาณวัคซีนแต่ละวันมีจำนวนเพียงพอที่จะเพิ่มจำนวนตามความต้องการของตน เริ่มแรกลงทะเบียนให้คนรู้จัก อยากช่วยให้ได้รับการฉีดวัคซีนเร็วๆ ต่อมามีคนมาติดต่อให้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนให้คนอื่นให้ค่าจ้างหัวละ 200-300 บาท หลังจากนั้นคนจ้างจะนำไปบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 ทอด เรียกเงินสูงสุดถึงเข็มละ 1,000 บาท ส่วนของตนตลอดเวลาที่ทุจริตได้เงินประมาณ 3-4 ล้านบาท เงินที่ได้นำไปใช้หนี้สินที่เกิดในช่วงระบาดของเชื้อโควิด-19 เนื่องจากมีรายได้จากการทำงานสุจริตเพียงวันละ 500 บาทเท่านั้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. สาธารณสุข กล่าวว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯบางซื่อที่เห็นความผิดปกติ และจับกระบวนการผู้กระทำผิดครั้งนี้ เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจขุดบ่อล่อปลา รวบรวมผู้กระทำผิด ส่วนประชาชน ที่จองผ่านกระบวนการนี้ถูกกันไว้เป็นพยาน รัฐบาลขอยืนยันว่า วัคซีนที่รัฐจัดหาให้ประชาชนเป็นวัคซีนฟรี หวังว่า การจับกุมครั้งนี้จะเป็นบทเรียนและเครื่องเตือนความจำให้ประชาชนทราบว่า การรับวัคซีนไม่ว่าที่ใดก็แล้วแต่ เป็นการให้บริการฟรี ขอให้ประชาชนอย่ายอมรับการเรียกรับใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลอื่น กรณีนี้เราจะดำเนินการให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ให้กรมการแพทย์หารือกับเครือข่ายมือถือตรวจสอบประวัติจิตอาสาเพื่ออุดช่องว่างระบบ มูลค่าความเสียหายที่ปรากฏ 4 ล้านบาท ถือเป็นความเสียหายจำนวนมาก ตำรวจจะอายัดบัญชีผู้ต้องหาและพิจารณาว่าจะเยียวยาประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออย่างไร

พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.ศูนย์ฉีดวัคซีนกลาง บางซื่อกล่าวว่า ความผิดปกติครั้งนี้ถูกจับสังเกตได้ในเดือน ก.ค.อย่างเด่นชัด เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.วันละหลักร้อย แต่มากที่สุดวันที่ 28 ก.ค. ลงทะเบียนถึง 2,827 คน จึงประสานตำรวจรถไฟเข้าดำเนินการจับกุม รอเวลาให้ผู้รับวัคซีนตามนัดหมายมาครบจากนั้นยกเลิกคิว สามารถจับกุมได้ 600 คน ขอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ มีผู้ให้ข้อมูลสมบูรณ์ประมาณ 300 กว่าคน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลต่อไปได้ มูลค่าความเสียหายจากเหตุการณ์นี้รวม 7 ล้านบาท ส่วนการแก้ไขเนื่องจากช่วงเกิดเหตุเป็นการเปิดวอล์กอินให้ประชาชนมารับวัคซีน จึงให้จิตอาสาเข้าถึงระบบการจองคิวและการลงทะเบียนได้ แต่หลังจากนั้นไม่มีแล้วและปิดระบบต่างๆทั้งหมด กำหนดให้คนที่จะเข้าถึงระบบการจองคิวและลง ทะเบียนมีเพียงเจ้าหน้าที่ไอทีของกรมการแพทย์และสถาบันโรคผิวหนังเท่านั้น ไม่ได้ให้คนนอกเข้าถึงระบบอีกต่อไป

...

ส่วน พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ. กล่าวว่า หลังจากนี้จะสืบสวนสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมอีก ทั้งหมดต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ก่อนเปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายฉ้อโกงทั้งหมดอีกครั้ง