“จุติ ไกรฤกษ์” รมว.พม. ลั่นคดีซี 6 นักพัฒนาสังคมชำนาญการ ยักยอกเงิน 13 ล้านบาทของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ไม่เป็นมวยล้มแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเงินส่วนไหน พม.หนีความรับผิดชอบไม่พ้น ต้องรื้อระบบการทำงานใหม่หมด ขณะที่ ผบก.ปปป. ระบุนอกจากเงินกองทุนคนพิการที่ถูกยักยอกไป 13 ล้านบาทแล้ว ยังพบเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้หายไปจากระบบคลังของ พก.รวมกว่า 45 ล้านบาท เผยผลสอบเบื้องต้นผู้ก่อเหตุยืนยันก่อเหตุลำพัง เอาเงินที่ได้ไปเล่นพนันออนไลน์
จากกรณีตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จับกุมนายพิศาล สุขใจธรรม อายุ 41 ปี นักพัฒนาสังคมชำนาญการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ตามหมายจับของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ลงวันที่ 17 ก.ย.64 หลังทุจริตยักยอกเงินจากบัญชีของหน่วยงานจำนวน 13 ล้านบาท ขณะนายพิศาลเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศทางชายแดนด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เบื้องต้นผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายไม่เชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้จะก่อเหตุลำพัง
ความคืบหน้าเรื่องนี้ ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. นางพัชรี อาระยะกุล ปลัด พม. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายจุติกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่ไว้หน้าผู้ทุจริต ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือข้าราชการระดับไหน หลังเกิดเรื่องได้มอบนโยบายให้รื้อระบบที่ผ่านมาทั้งหมดของทุกกรม พร้อมสลับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับระบบและสลับทีม ไม่ให้เกิดความเคยชินกับการทำงานแบบเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและป้องกันการทุจริต ทั้งนี้ต้องสอบสวนเสร็จก่อนเพื่อสรุปว่าเสียหายเท่าไหร่ งบประมาณที่ถูกยักยอกเกี่ยวข้องกับประชาชนแน่นอน ส่วนจะเป็นเงินส่วนไหนก็ตาม พม.หนีความรับผิดชอบไม่พ้น บอกกับปลัด พม. หากผลสอบไปเจอใครก็ไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมเหมือนกัน
...
รมว.พม.กล่าวอีกว่า เงินส่วนนี้ถูกฉกไป ได้อายัดทรัพย์แล้ว น่าจะได้คืนบางส่วน ต้องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดูเส้นทางเงิน ส่วนจะได้คืนมาครบหรือไม่ ตั้งข้อสงสัยว่าทำคนเดียวจริงหรือ สำหรับการป้องกันปัญหาต้องไปดูทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการรื้อระบบ เปลี่ยนพาสเวิร์ด เปลี่ยนขั้นตอนหรือเปลี่ยนบุคคล งานนี้ไม่มีซูเอี๋ยเพราะนายกฯกำชับมาว่าอย่าให้มีการทุจริตเด็ดขาด
นางพัชรี อาระยะกุล ปลัด พม. กล่าวว่า ยืนยันเงินที่ถูกยักยอกนี้เป็นเงินนอกงบประมาณ ไม่เกี่ยวข้องกับเงินคนพิการ เป็นเงินประกันสัญญาจากคนที่ทำงานกับกระทรวงเอามาเป็นหลักประกันไว้ก่อน ขณะนี้สั่งระงับไม่ให้บุคคลอีก 2 คนที่มีพาสเวิร์ดมีโอกาสเข้าถึงระบบการเงินแล้ว
น.ส.สราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดี พก. กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เป็นบุคลากรจากกรมอื่น โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. ตามปกติการเบิกจ่ายเงินในบัญชีจะมีผู้รับผิดชอบที่มีรหัสหรือพาสเวิร์ด 3 คน สามารถปลดได้ 2 ใน 3 คน แต่เผอิญสำนักงานเลขานุการกรมเห็นความเคลื่อนไหวในบัญชีผิดปกติ ซึ่งใกล้ปิดปีงบประมาณแต่พบการถูกโอนเข้าบัญชีตัวเองทั้งที่ไม่มีการตั้งเรื่องวางเบิก จึงได้ตรวจสอบพบการทุจริต ส่วนการที่มีรหัสปลดล็อกได้เพียงคนเดียวแล้วยักยอกโอนเงินได้ อาจจะเกิดความไว้วางใจในการทำงานมาก่อนหน้านี้ ผู้ที่มีรหัสอีก 2 คนเลยมอบรหัสให้ดำเนินการ จากการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังในระบบสามารถตรวจย้อนหลังได้ 3 เดือนที่วงเงินสูญหายไปประมาณ 13 ล้านบาท ขณะนี้มีบัญชีเดียวที่ผิดปกติ ส่วนที่มีการพูดวงเงินถึง 50 ล้าน คงเป็นการคาดเดา ต้องรอ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินเสียก่อน
ที่ บก.ปปป. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า หลังจาก น.ส.สราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดี พก. ได้รับรายงานการทุจริตดังกล่าวแล้ว จึงสั่งการให้ตรวจสอบเงินฝากคลังย้อนหลังโดยละเอียดอีกครั้ง จนพบนอกจากเงินกองทุนคนพิการที่ถูกนายพิศาลยักยอกไป 13 ล้านบาทแล้ว ยังพบเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้หายไปจากระบบคลังของ พก.รวมกว่า 45 ล้านบาท ในส่วนนี้ตัวแทนของหน่วยงานได้นำหลักฐานไปแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมที่ สน.พญาไท หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดี
มีรายงานว่า ในวันที่ 21 ก.ย. จะมีเจ้าหน้าที่พก. เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นการแจ้งความนายพิศาลเพิ่มเติมหรือจะให้ดำเนินคดีกับผู้ใดเพิ่ม ทั้งนี้จากการสอบปากคำเบื้องต้นกับนายพิศาลผู้ก่อเหตุรายนี้ เจ้าตัวยังยืนยันว่าก่อเหตุเพียงลำพัง นำเงินที่ได้ไปเล่นพนันออนไลน์
ที่ สน.พญาไท วันเดียวกัน พ.ต.ท.วิทยากร สุวรรณเรืองศรี รอง ผกก. (สอบสวน) สน.พญาไท ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน เปิดเผยว่า นายพิศาลผู้ต้องหาในคดีนี้ถูกส่งไปฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว ส่วนประเด็นนอกจากเงินที่ยักยอกไป 13 ล้านบาทแล้วยังมีเงินช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอื่นๆอีกกว่า 40 ล้านบาทที่หายไป ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนของหน่วยงานเดินทางมาแจ้งความกับชุดพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด