"ศักดิ์สยาม" เผยราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวงฯ นำ "รถยนต์ส่วนบุคคล" จดทะเบียนให้บริการรับจ้างผ่านแอปฯ ด้าน "ขนส่งฯ" เร่งออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ภายใน 30 วัน ชี้ช่วยอำนวยความสะดวก-เพิ่มทางเลือกให้กับ ปชช. 

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเผยแพร่กฎกระทรวง รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564 ซึ่งได้กำหนดให้รถยนต์ หรือการนํารถยนต์นั่งส่วนบุคคลมาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภท เป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะต้องออกประกาศกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การรับรองผู้ให้บริการและแอปพลิเคชัน ที่จะนํามาให้บริการตามฐานอํานาจที่กําหนดในร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว โดยจะรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องและออกประกาศ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน (30 วัน)

ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ตามแนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) โดยการให้ประชาชนสามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของสังคม และวิถีการใช้ชีวิตของประชาชน ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ประกอบกับเกิดความเรียบร้อยและความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร รวมถึงยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และเพิ่มทางเลือกในการใช้บริการรถยนต์รับจ้างอีกด้วย 

สำหรับสารสำคัญของกฎกระทรวงฯนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้แบ่งการจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.ขนาดเล็ก มีกําลังในการขับเคลื่อนตั้งแต่ 50-90 กิโลวัตต์ 2.ขนาดกลาง มีกําลังในการขับเคลื่อนมากกว่า 90 กิโลวัตต์ แต่ไม่เกิน 120 กิโลวัตต์ และ 3.ขนาดใหญ่ มีกําลังในการขับเคลื่อนมากกว่า 130 กิโลวัตต์ขึ้นไป ทั้งนี้ กรณีเป็นรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนต้องมีความเร็วสูงสุด ได้ไม่น้อยกว่า 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

...

ทั้งนี้ ในการรับจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ให้จดทะเบียนได้เพียงคนละ 1 คัน ขณะที่รถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องเป็นรถที่มีประตูไม่น้อยกว่า 4 ประตู และต้องมีลักษณะเป็นรถเก๋ง 2 ตอน, รถเก๋ง 2 ตอนแวน, รถเก๋ง 3 ตอน, รถเก๋ง 3 ตอนแวน, รถยนต์นั่ง 2 ตอน, รถยนต์นั่ง 2 ตอนแวน, รถยนต์นั่ง 3 ตอน, รถยนต์นั่ง 3 ตอนแวน หรือรถยนต์ลักษณะอื่นตามที่อธิบดี ขบ.ประกาศกําหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีและใช้อุปกรณ์เครื่องสื่อสาร เพื่อการรับงานจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ ขบ.ให้การรับรอง ซึ่งอย่างน้อยต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถและผู้ขับรถ ระบบการแสดงตัวตนของผู้ขับรถ ระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าระบบติดตามตัวรถ ระบบตรวจสอบเวลาและสถานที่รับส่ง และระบบแจ้งการร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือ ทั้งนี้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ต้องดําเนินการโดยผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ ขบ.ให้การรับรอง รวมทั้งต้องมีการจัดเก็บข้อมูล ที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างน้อย 1 เดือน

นอกจากนี้ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ใช้สีของตัวถังรถตามสีเดิมที่ปรากฏในใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ก่อนการจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้มีอายุการใช้งานได้ไม่เกิน 9 ปี นับแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ในกรณีที่รถยนต์ครบอายุการใช้งาน 9 ปีแล้ว ให้เจ้าของรถนําใบคู่มือจดทะเบียนรถไปแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อบันทึกหลักฐาน การระงับทะเบียนหรือเปลี่ยนประเภทรถ ทั้งนี้ ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ครบอายุการใช้งาน  

ทั้งนี้ แผ่นป้ายทะเบียนรถของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีขนาดลักษณะและสีเช่นเดียวกับแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน โดยอาจให้ใช้แผ่นป้ายทะเบียน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคนเดิมก็ได้ นอกจากนี้ต้องมีการตรวจสภาพรถตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 15 ทวิ รวมทั้งต้องรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งภายนอกและภายในตัวรถ

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่น สําหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้กำหนดไว้ว่ารถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้กําหนดโดยถือเกณฑ์ระยะทาง 2 กิโลเมตร (กม.) แรก ไม่เกิน 50 บาท และ กม.ต่อๆ ไป กม.ละไม่เกิน 12 บาท ในกรณีที่ระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าประเมินสภาพการจราจรว่า ไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัย ในอัตรานาทีละไม่เกิน 3 บาท ในส่วนกรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ กําหนดได้ไม่เกิน 50 บาท และค่าบริการเพิ่มกรณีอื่น กําหนดได้ไม่เกิน 200 บาท 

ขณะที่ รถขนาดใหญ่ กำหนดค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร โดยถือเกณฑ์ระยะทาง 2 กม.แรก ไม่เกิน 200 บาท และ กม.ต่อๆ ไป กม.ละไม่เกิน 30 บาท ในกรณีที่ระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้า ประเมินสภาพการจราจรว่า ไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัย ในอัตรานาทีละไม่เกิน 10 บาท ส่วนกรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์กําหนดได้ ไม่เกิน 100 บาท และค่าบริการเพิ่มกรณีอื่น กําหนดได้ไม่เกิน 200 บาท อย่างไรก็ตามการเรียกเก็บค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารนั้น ให้เรียกเก็บตามจํานวนเงิน ซึ่งคํานวณโดยระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าที่ปรากฏในอุปกรณ์เครื่องสื่อสารเพื่อการรับงานจ้าง โดยต้องแจ้งให้คนโดยสารทราบก่อนทําการขนส่งผู้โดยสารคนนั้น