"สุชาติ" มอบบัตรตรวจแรงงานต่างด้าวแก่ชุดเฉพาะกิจฯ พร้อมย้ำนโยบาย ตรวจสอบ ดำเนินคดีคนต่างด้าวลักลอบทำงาน ควบคู่การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับนายจ้าง สถานประกอบการ
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.64 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบบัตรตรวจแรงงานต่างด้าวและกล่าวปิดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวผิดกฎหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมด้วยพลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานอำนวยการ นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
นายสุชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวอย่างยิ่ง ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในช่วงเวลานี้อย่างระมัดระวัง รวมทั้งตรวจสอบและดำเนินคดีคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองและทำงานผิดกฎหมาย ควบคู่กับการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นายจ้าง/สถานประกอบการ ถึงแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานแรงงานต่างด้าว
...
"สำหรับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวผิดกฎหมายฯนี้ เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานตามโครงการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวผิดกฎหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งดำเนินการมาเป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 14-15 มิ.ย.64 จากนี้ผู้ผ่านการอบรมทั้ง 40 คนจะได้รับมอบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ และออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง แล้วมาลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย โดยขอให้เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจทุกชุดดำเนินการขอตรวจสอบด้วยความสุภาพควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ให้แก่คนต่างด้าว นายจ้าง/สถานประกอบการ ถึงแนวทางปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อร่วมกันยับยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ยุติลงโดยเร็ว" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่คณะทำงานอำนวยการ และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วจะไปปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่รับผิดชอบ โดยคณะทำงานอำนวยการมีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรการและแผนการดำเนินการ เพื่อให้การตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นไปตามแผนการที่กำหนด ส่วนชุดเฉพาะกิจทั้ง 5 ชุดมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีคนต่างด้าวฯ โดยชุดเฉพาะกิจที่ 1 รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล จำนวน 4 จังหวัด ชุดเฉพาะกิจที่ 2 รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง จำนวน 22 จังหวัด ชุดเฉพาะกิจที่ 3 รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 จังหวัด ชุดเฉพาะกิจที่ 4 รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 17 จังหวัด และชุดเฉพาะกิจที่ 5 รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 14 จังหวัด โดยทุกชุดจะเริ่มออกปฏิบัติงานช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป
"ทั้งนี้หากตรวจพบนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี หากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694" นายไพโรจน์ กล่าว.