"นายกนักประดิษฐ์" ประสานเสียง "ประธานสมาพันธ์ SME ไทย" จี้ "รัฐบาล" ออกมาตรการช่วยเหลือและแก้หนี้ธุรกิจ เอสเอ็มอี เผย ธปท. ลงไปแก้ปัญหาเพียงหน่วยงานเดียว ชี้หากไม่ช่วยเหลือเศรษฐกิจอาจจะพังทั้งระบบ

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.64 นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย
ถึงสถานการณ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มเอสเอ็มอี ในช่วงเวลาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า การระบาดของไวรัสฯ ระลอกใหม่ ซึ่งมีตัวเลขผู้ติดเชื้อนับพันรายมาหลายวันนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีมาตรการล็อกดาวน์เหมือนกับช่วงของการระบาดใหม่ๆ ในปีที่ผ่านมา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีมีผลกระทบอย่างมหาศาล เพราะนอกจากจะต้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขในการป้องกันเชื้อไวรัสฯ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว ยังจะต้องเผชิญกับรายจ่ายมากมายที่จะต้องดูแลไม่ให้ธุรกิจเสียหาย ทำให้เกิดหนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นที่ผ่านมาตนได้ปรึกษากับนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และได้มองร่วมกันว่า หน่วยงานที่ดำเนินการลงไปแก้ไขปัญหาดูเหมือนจะมีเพียงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาตรการต่างๆ เช่น สินเชื่อฟื้นฟู โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ การเลื่อนระยะเวลาการชำระหนี้ เป็นต้น แต่ทางรัฐบาลและกระทรวงการคลัง กลับไม่มีมาตรการที่ชัดเจน ที่จะช่วยเหลือให้ธุรกิจเอสเอ็มอี รอดพ้นจากวิกฤตินี้ไปได้

"จึงขอร้องว่า รัฐบาลควรมีมาตรการสำหรับธุรกิจดังกล่าว โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้ล้มหายตายจากไปกับการระบาดของไวรัสฯ  เพราะธุรกิจเอสเอ็มอีถือเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่สำคัญมากในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งหากขาดไปแล้ว เศรษฐกิจไทยก็ขับเคลื่อนไปได้แบบติดๆ ขัดๆ ไม่สามารถหลุดพ้นปัญหาไปได้ แม้ว่าการระบาดอาจจะมีแนวโน้มลดลงในวันข้างหน้า" นายกนักประดิษฐ์ กล่าว

...


นายกนักประดิษฐ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เอสเอ็มอี เป็นธุรกิจที่ถูกโดดเดี่ยวจากการดูแลของรัฐบาลมากที่สุด เพราะมาตรการกระตุ้นและช่วยเหลือทาง เศรษฐกิจส่วนใหญ่มักทุ่มเทไปยังภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ มากกว่าจะดูแลบรรดาเอสเอ็มอี ที่มีความตั้งใจในการดูแลช่วยเหลือประชาชนในการสร้างงานและสร้างรายได้ ดังนั้น ในเมื่อรัฐบาลต้องการจะให้ทุกคนรอดพ้น กระบวนการดูแลภาครัฐไม่ทั่วถึงภาคการผลิต ภาพรวมในการส่งออกส่วนใหญ่เป็นผลไม้เสียส่วนมาก แต่สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ทุกอย่างหยุดนิ่งสงบ แต่เจ้าของ SME ไทย ยังต้องรับภาระในการจ่ายค่าแรงแม้ไม่ได้ผลิตเพื่อให้ลูกจ้างยังอยู่กับธุรกิจ เพราะยังมีความหวังว่า สถานการณ์โควิด–19 จะคลี่คลายลง แต่เมื่อคบ 1 ปี แต่กลับยังระบาดมากขึ้น สุดท้ายสภาพคล่องไม่มีเหลือแต่ยังจะต้องมีภาระมีค่าใช้จ่ายทุกเดือน

"ผมจึงขอพิจารณาให้รัฐบาลออกมาตรการเพื่อช่วยเอสเอ็มอีอย่างตรงจุดและจริงจัง โดยให้มีมาตรการพักชำระหนี้ อย่างน้อย 1 ปี กับทุกธนาคาร และอัดเงินเข้าระบบเอสเอ็มอี ให้เกิดการหมุนเวียนและส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐใช้งบประมาณสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตโดยเอสเอ็มอีไทย เพื่อให้หน่วยงานรัฐมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยและใหม่ เพื่อใช้ทำงานในอนาคต ยังจะช่วยให้อัดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้เกิดการจ้างงานและเศรษฐกิจหมุนเวียน รัฐยังจะสามารถจัดเก็บภาษีได้ด้วย มาตรการนี้จะช่วยให้ ธุรกิจ SME ไทย ไม่พังทั้งระบบ หากรัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆ ออกมา ถ้า ธุรกิจ SME ไทยพัง ธุรกิจอื่นๆ จะพังตามไปไปด้วย"