นาโนเทค สวทช. มหิดล ร่วมทดสอบประสิทธิภาพออร์แกนิคซิงค์ไอออนฆ่าเชื้อโรคนาน 24 ชม. พร้อมจับมือยูนิซิล กรุ๊ป ส่งมอบสารฆ่าเชื้อให้ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน
กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอผลการทดสอบการคงประสิทธิภาพสารฆ่าเชื้อไวรัส-แบคทีเรียจากออร์แกนิคซิงค์ไอออน หลังฉีดพ่นลงบนพื้นผิวยาวนาน 24 ชั่วโมง ตัวช่วยเสริมความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ลดภาระงานเจ้าหน้าที่ ลดต้นทุนการใช้สารฆ่าเชื้อสำหรับอาคารสถานที่ ตอบความต้องการยุควิกฤติโรคระบาด พร้อมจับมือบริษัท ยูนิซิล กรุ๊ป จำกัด ส่งมอบสารฆ่าเชื้อไวรัส-แบคทีเรียให้กับโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน
ผศ.นพ.วีระพงษ์ ภูมิรัตนประพิณ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของคณะเวชศาสตร์เขตร้อนที่เข้ามามีบทบาทในงานวิจัยเรื่องนี้ คือในขณะที่ประเทศไทยมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ก่อโรค COVID-19 มหาวิทยาลัยมหิดลได้สนับสนุนให้คณะเวชศาสตร์เขตร้อนหารือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อหาแนวทางในการรับมือกับโรค COVID-19 โดยมีการลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพและการแพทย์ โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามไปเมื่อ 16 ก.ค.63 ได้มีงานวิจัยที่ดำเนินการร่วมกันมาอีกหลายโครงการ
...
โดยจุดแข็งของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน คือเป็นสถาบันทางการแพทย์ที่มีทีมวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวินิจฉัย การรักษา และป้องกันโรค มีห้องปฏิบัติการอ้างอิงด้านโรคเขตร้อน (Tropical Medicine Diagnostic Reference laboratory) หรือ TMDR ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการเครือข่ายที่ผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการ สำหรับการตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARA-CoV-2) ด้วยวิธี Real time RT-PCR จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการตรวจวินิจฉัย ตรวจยืนยันตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจากผู้ป่วย ผู้สัมผัส และผู้มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ด้วยวิธีการ Real time RT-PCR ตั้งแต่มีการระบาดของโรค
ในขณะที่ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. มีงานวิจัยหลายด้านที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อการฆ่าเชื้อ ซึ่งสามารถป้องกันการติดต่อของโรคติดเชื้อได้ โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ และคณะเวชศาสตร์เขตร้อน จึงได้ทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง จนปัจจุบันขยายผลมาสู่การทดสอบประสิทธิภาพการออกฤทธิ์สารฆ่าเชื้อหลังฉีดพ่นลงบนพื้นผิว ต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ สารฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่มีองค์ประกอบของออร์แกนิคซิงค์ไอออน และนอกจากนี้คณะเวชศาสตร์เขตร้อนยังมีงานวิจัยที่กำลังพัฒนาร่วมกับศูนย์นาโนเทคอีก เช่น การพัฒนา Negative pressure helmet เป็นต้น
ดร.วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมงานวิจัยด้านสุขภาพและการแพทย์นั้น สวทช.มีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนและเร่งสร้างขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนาที่ตอบความต้องการของประเทศด้านระบบสาธารณสุข ได้แก่ นวัตกรรมยา วัคซีน ยาชีววัตถุ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการพัฒนาฐานกำลังบุคลากรและความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทางด้านนี้ ในด้านการวิจัยทางคลินิกและการบริหารจัดการข้อมูลวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งทางด้านสาธารณสุขของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สวทช.ได้ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์สาธารณสุขของประเทศและ รวมถึงการได้รับทุนจากแหล่งทุนภายนอกร่วมกันกับมหาวิทยาลัยต่างๆ
“กระทั่งปี 2563 ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ Covid-19 มีผลให้ระบบสาธารณสุขของประเทศได้รับผลกระทบอย่างมาก การวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพและการแพทย์จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องผลักดันให้มีการนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในด้านวิชาการ เศรษฐกิจและสังคม ในส่วนของนาโนเทค สวทช. เอง มีการปรับแผนการทำงานเกิดเป็นโครงการเฉพาะกิจจากฐานความรู้และความเชี่ยวชาญของทีมวิจัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศในสถานการณ์โรคระบาดเป็น 2 กลุ่มงาน ได้แก่ งานวิจัยและพัฒนาด้านการรับมือวิกฤต COVID-19 และงานด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังวิกฤต COVID-19 อาทิ ชุดตรวจหาเชื้อในกลุ่มโคโรนาไวรัสแบบรวดเร็วเพื่อการคัดกรองเบื้องต้น, แผ่นกรองและหน้ากากอนามัยสำหรับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 แบคทีเรียและไวรัส, หมวกแรงดันลบ Negative Pressure Helmet เป็นต้น” ดร.วรรณี กล่าว
ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ สวทช.เองก็ได้เร่งผลักดันผลงานวิจัยด้านสุขภาพและการณ์แพทย์ให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการวิชาการและเทคนิคเพื่อรองรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และได้หยิบยกงานวิจัยการพัฒนาสารฆ่าเชื้อมีซิงค์ไอออนที่พัฒนาขึ้น ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถอยู่บนพื้นผิวได้ยาวนาน อีกทั้งยังสามารถป้องกันเชื้อต่างๆ ได้นานขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้ protocol การทำความสะอาดตามโรงพยาบาลต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป โดยไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ คณะกรรมการฯจึงได้เสนอให้นำสารฆ่าเชื้อมีซิงค์ไอออนมาทดสอบ ณ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยพันธมิตรกับ สวทช. ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานและวิทยาศาสตร์การแพทย์ประยุกต์ ด้านเวชศาสตร์เขตร้อน ตลอดจนความเชี่ยวชาญในการทดสอบฤทธิ์ในการต้านเชื้อจุลชีพ นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการทดสอบประสิทธิภาพการออกฤทธิ์สารฆ่าเชื้อออร์แกนิคซิงค์ไอออนหลังฉีดพ่นลงบนพื้นผิว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก ภาควิชาจุลชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล
...
จากโครงการวิจัย “การพัฒนากระบวนการผลิตซิงค์ไอออนสำหรับยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย” โดย ดร.วรายุทธ สะโจมแสง ทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งเเวดล้อม กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน นาโนเทค ซึ่งเป็นโครงการย่อยภายใต้โครงการแผนบูรณาการยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. โดยใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความคงตัวให้กับซิงค์ไอออนและเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้อย่างรวดเร็ว และออกฤทธิ์ได้ยาวนาน ทำให้มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาด ด้วยประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อไวรัสที่อยู่ระดับสูง โดยผลจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ พบว่า สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ภายใน 1 นาที เทียบเท่าผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ ในราคาที่เข้าถึงได้ เทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาด ที่ประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อระดับกลาง ที่สำคัญคือ ไม่มีกลิ่น และไม่ติดไฟ
ความร่วมมือระหว่างนาโนเทค สวทช. และภาควิชาจุลชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โดย รศ.ดร.พรสวรรค์ เหลืองวุฒิวงษ์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี ในโครงการทดสอบประสิทธิภาพการออกฤทธิ์สารฆ่าเชื้อมีองค์ประกอบของออร์แกนิคซิงค์ไอออนหลังฉีดพ่นลงบนพื้นผิว เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีเกณฑ์วิธีทดสอบประสิทธิภาพสารฆ่าเชื้อหลังการพ่นใช้งานบนพื้นผิวว่ายังมีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อได้ยาวนานเท่าไร และต้องพ่นซ้ำบนพื้นผิวความถี่แค่ไหนเพื่อให้สารฆ่าเชื้อยังคงมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยประจุบวกของออร์แกนิคซิงค์ไอออนที่ขนาดล็กระดับนาโนเมตรและมีความคงตัวสูงสามารถกระจายตัวในรูปฟิล์มเคลือบบนพื้นผิวและยังคงมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อได้ยาวนาน
...
จากการทดสอบประสิทธิภาพการออกฤทธิ์สารฆ่าเชื้อที่มีองค์ประกอบของออร์แกนิคซิงค์ไอออน สามารถคงประสิทธิภาพฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ 100% หลังฉีดพ่นลงบนพื้นผิวนาน 24 ชั่วโมง โดยเชื้อแบคทีเรียที่ใช้ทดสอบ ได้แก่ Salmonella Choleraesuis, Staphylococcus aureus และ Pseudomonas aeruginosa และสามารถคงประสิทธิภาพการฆ่าไวรัส Porcine epidemic diarrhea virus (PEDV) ซึ่งเป็นไวรัสในตระกูล (Coronavirus) เช่นเดียวกับเชื้อ SARS-CoV-2 หลังฉีดพ่นลงบนพื้นผิวนาน 24 ชั่วโมง
ปัจจุบัน นาโนเทค สวทช. อยู่ระหว่างประสานงานกับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลสนามในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อนำไปใช้พ่นฆ่าเชื้อในพื้นที่เสี่ยง โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก บริษัท ยูนิซิล กรุ๊ป จำกัด ผู้ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลงานวิจัยจากนาโนเทค สวทช.