อาสาฯร่วมกตัญญู แชร์ประสบการณ์การช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานการณ์โควิด หลายเคสมีการปิดบังข้อมูล จนอาสาฯกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องถูกกักตัว แนะไม่ต้องรีบ ให้สอบสวนให้ละเอียด หากจะต้องสัมผัสผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ ให้สวมหน้ากากอนามัย เฟซชิลด์ หรือชุดพีพีอี อย่าเอามือไปสัมผัสตา จมูก ปาก หากยังไม่ได้ล้างมือ
ที่สำนักงานใหญ่มูลนิธิร่วมกตัญญู คลองเตย กทม. นายชลอ หรือ ป๋อง เสือกระจ่าง อายุ 41 ปี อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู รหัสนคร 58 เล่าประสบการณ์การทำงาน พร้อมฝากเตือนเหล่าอาสาสมัครทั่วประเทศไปด้วย เกี่ยวกับการช่วยเหลือคนอื่นต้องเซฟตัวเองในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ประมาณ 1 สัปดาห์ ที่ผ่านมา อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุด สน.บางโพงพาง 3 นาย รับแจ้งอุบัติเหตุบนถนนเจริญราษฎร์ จึงออกไปให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเลิดสิน
ต่อมา หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน หมอที่โรงพยาบาลติดต่อกลับมาว่า คนเจ็บติดเชื้อโควิด-1 ต้องให้อาสาฯ ไปตรวจและกักตัวดูอาการอยู่ที่บ้านทั้ง 3 นาย ในเวลาไล่เลี่ยกัน อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุด สน.ทุ่งมหาเมฆ 3 นาย ได้รับแจ้งให้ไปรับผู้ป่วย อ้างว่าเป็นโรคประจำตัว อยู่บริเวณใกล้เคียงกับ สน.วัดพระยาไกร เมื่อไปถึง ญาติผู้ป่วยปิดบังข้อมูล
หลังนำตัวส่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ หมอบอกว่า คนไข้คนนี้เป็นโควิด-19 อาสาฯ ทั้ง 3 นาย จึงถูกให้ไปตรวจหาเชื้อ แล้วกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน สังเกตอาการเช่นกัน ซึ่งทางมูลนิธิร่วมกตัญญูได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปมอบเงินช่วยเหลือคนละ 3 พันบาท และทำอาหารไปส่งทั้ง 3 มื้อจนกว่าจะพ้น 14 วัน และแน่ใจว่าปลอดภัย จึงจะกลับมาช่วยเหลือประชาชนได้ตามเดิม
นคร 58 กล่าวต่อว่า สำหรับตนผ่านการอบรมความรู้เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 มาแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่จากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน(สพฉ.)กระทรวงสาธารณสุข และจากศูนย์กู้ชีพนเรนทร ซึ่งเป็นชุดที่ไปช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ที่ระบาดครั้งแรกที่ประเทศจีน หากจะต้องสัมผัสผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บ ให้สวมหน้ากากอนามัย หรือ เฟซชิลด์ หรือสวมชุดพีพีอี ป้องกันไว้ทุกครั้ง จากนั้นสอบสวนญาติผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บเกี่ยวกับประวัติและไทม์ไลน์ อย่าเพิ่งรีบช่วยเหลือคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองและครอบครัว และควรเข้าอบรมเกี่ยวกับการกู้ภัยในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้รู้อย่างถ่องแท้ จะได้ไม่ไปเป็นภาระในการทำงาน และนำเชื้อโรคเข้าไปหาครอบครัว
...
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางมูลนิธิร่วมกตัญญูได้ร่วมกับศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน(สพฉ.)กระทรวงสาธรณสุข และศูนย์เอราวัณ ของ กทม.เตรียมรถตู้พยาบาลไว้ 5-6 คัน เพื่อเตรียมรับผู้ป่วยโควิด100% ไปส่งโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยอาการโคม่า โดยรับคำสั่งโดยตรงผ่านทางศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน และศูนย์เอราวัณ ซึ่งหากคนที่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19 สามารถติดต่อผ่าน 2 หน่วยงานนี้ได้เลย
"ยอดรวมผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่รับไปส่ง ตั้งแต่ 17 เม.ย. จนถึงวันนี้ กว่า 100 คนแล้ว อยากให้พวกเราทุกคนดูแลตัวเอง อยู่ร่วมกับไวรัสร้ายนี้ให้ได้ หากสัมผัสตัวผู้ติดเชื้อ ให้ล้างมือด้วยน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์ ซึ่งเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ ตา จมูก และปาก พยายามอย่าเอามือไปสัมผัสทั้ง 3 จุดนี้ หากยังไม่ได้ล้างมือเด็ดขาด ที่สำคัญคือ ต้องใส่หน้ากากอนามัยออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้าง"