ม็อบรอบดึกลุยเผารถสายตรวจ สน.ดินแดง ขว้างกระจกโรงพักแตกเละเทะคนดินแดงไม่พอใจ ฮือออกมาต้าน จนตำรวจเข้ากดดันสลายการชุมนุม พฐ.เร่งเก็บหลักฐานดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง สรุปจับกุมม็อบดำเนินคดี 22 คน ตำรวจเจ็บ 90 นาย และเสียชีวิต 1 นาย ผบช.น.ยันตามขั้นตอนสากล รับใช้กระสุนยาง แต่ปลอดภัยแน่ นายกฯเสียใจ รอง สว.สน.ธรรมศาลาหัวใจวายดับระหว่างคุมม็อบ ชี้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าควบคุม หลังม็อบใช้ความรุนแรง รุกเข้าพื้นที่หวงห้าม ทำร้ายตำรวจ ยึดมาตรฐานสากล ย้ำไม่ว่าประชาธิปไตยแบบไหนต้องมีกฎหมาย ไม่ขัดถ้าชุมนุมอย่างสงบ วอนสื่อเสนอข่าว 2 ทาง คำนึงบ้านเมืองเป็นหลัก

กรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก และแนวร่วมรีเดม “REDEM” (Restart Democracy) นัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ร่วมกันเดินขบวนไปยังบ้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม บริเวณกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระวชิร เกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.1ทม.รอ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลเตรียมกำลังกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.) 4 กองร้อย และนำตู้คอนเทนเนอร์ ลวดหนามมาวางบริเวณถนนคู่ขนานถนนวิภาวดีรังสิตขาออกยาวประมาณ 1 กม. ถึงหน้า รพ.ทหารผ่านศึก แต่กลุ่มมวลชนแห่ปิดถนนช่องทางด่วนวิภาวดีรังสิตเคลื่อนไปถึงหน้า ร.1ทม.รอ. ลากตู้คอนเทนเนอร์ออกเผชิญหน้ากับตำรวจ เกิดการขว้างปาสิ่งของและประทัดใส่เจ้าหน้าที่จนเกิดการปะทะ ตำรวจต้องฉีดน้ำแรงดันสูงผสมแก๊สน้ำตาและยิงกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุม กลายเป็นจลาจลเป็นกลุ่มย่อยไปยังพื้นที่ใกล้เคียง

เผารถสายตรวจ สน.ดินแดง

ความคืบหน้าจากหน้า สน.ดินแดง เมื่อเวลา 23.28 น. วันที่ 28 ก.พ. กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ มารวมกลุ่มขว้างปาขวดและสิ่งของใส่อาคารโรงพัก ทำให้กระจกและข้าวของแตกเสียหาย เศษแก้วแตกกระจายเกลื่อนหน้าโรงพัก นอกจากนี้ยังฮือไปจุดไฟเผารถสายตรวจกระบะอีซูซุ ทะเบียน 6 กจ 5596 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่ ทำให้ภายในห้องโดยสารเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ใช้น้ำยาเคมีทำการดับ ขณะนั้นกลุ่มชาวชุมชนดินแดงที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เริ่มไม่พอใจพฤติกรรมกลุ่มผู้ชุมนุม รวมกันมาขอคืนพื้นที่หน้า สน.ดินแดง กดดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นไปทางโรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง ต่อมาเวลา 01.00 น.วันที่ 1 มี.ค. ตำรวจ สน.ดินแดง ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ให้นำรถคุมขังขนาดใหญ่มาที่ สน.ดินแดง ต่อมาเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่จับกุมผู้ชุมนุมได้ 1 คน ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมถูกสลายการชุมนุมแยกย้ายกันกลับ

...

เก็บหลักฐานดำเนินคดีมือเผา

ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มี.ค. พ.ต.อ.รัฐชัย ศรีวิชัย ผกก.สน.ดินแดง เผยว่า เมื่อช่วงเช้ามืดเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานรอยนิ้วมือ วัตถุพยานต่างๆไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดสรรพาวุธตำรวจ (ทลร.สพ.ตร.) หรืออีโอดี เข้ามาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบแต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัย สำหรับพื้นที่รอบ สน.ดินแดง มีรถกระบะของตำรวจถูกเผา และพ่นสีสเปรย์ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีรถ จยย.ของตำรวจจราจรพังเสียหายอีก 1 คัน อีกทั้งยังมีกระจกรอบอาคารแตกอีกจำนวนมาก มีทหารจิตอาสา 21 นาย จากกองพันหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มาช่วยเคลียร์เศษกระจกรอบพื้นที่ ภายหลังเกิดเหตุทำความเข้าใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว ขวัญและกำลังใจยังดีอยู่ หลังจากนี้จะเรียกประกันภัยมาตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุต่อไป

ผบช.น.ยอมรับใช้กระสุนยาง

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง โฆษก ตร. แถลงผลการดำเนิน คดีกลุ่มผู้ชุมนุมรีเดม ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า การชุมนุมเริ่มตั้งแต่ 15.00 น. วันที่ 28 ก.พ. ต่อเนื่องจนถึงเวลา 02.00 น. วันที่ 1 มี.ค. ตลอดการชุมนุมตำรวจแจ้งเตือนผู้ชุมนุมอยู่เป็นระยะ แต่มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนรื้อลวดหนาม รั้วเหล็ก และขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนั้นเกรงว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้นจึงระงับเหตุ ถือเป็นครั้งแรกที่ตำรวจใช้ปืนยิงกระสุนยาง ยืนยันว่าวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างที่นำมาใช้ในการควบคุม ฝูงชน เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด ไม่มีความรุนแรงอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งยังใช้ตามความจำเป็น หวังให้สถานการณ์ยุติให้เร็วที่สุด

ล่ามือเผารถสายตรวจดินแดง

พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวต่อว่า ภายหลังยุติการชุมนุมมีผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางไปรวมตัวที่หน้า สน.ดินแดง และ สน.สุทธิสาร ก่อเหตุเผารถตำรวจ สน.ดินแดง ทำให้เกิดความเสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหาย และจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดี เบื้องต้นมีความผิดข้อหาวางเพลิงและทำให้เสียทรัพย์ ส่วนกรณีเหตุคนร้ายวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม เมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ. เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ส่งตัวแทนมาแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ประชาชื่น ความผิดที่เกี่ยวข้องข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ และคาดว่าจะมีความผิด ม.112 ขณะนี้รู้ตัวกลุ่มที่ก่อเหตุแล้ว เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี ขอเวลาทำงานอีกไม่นานจะจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้แน่นอน

โต้ตำรวจทำรุนแรงกับม็อบ

เมื่อถามว่า จากภาพที่มีปรากฏตามสื่อโซเชียล ทั้งการเตะและลากผู้บาดเจ็บ เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ผบช.น.ตอบว่า ขอให้มองในภาพรวมทั้งหมด บางทีเราเห็นเหตุการณ์แค่ช่วงๆ เจตนาคงจะพยายามระงับเหตุให้เร็วที่สุดและนำตัวผู้กระทำผิดแยกออกจากกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ให้สถานการณ์รุนแรง จริงๆความรุนแรงไม่รุนแรงขึ้นอยู่กับผู้ชุมนุม ถ้าผู้ชุมนุมชุมนุมโดยสงบตำรวจไม่เคยใช้กำลัง อย่างกรณีผู้ชุมนุมปัสสาวะอยู่บนตู้คอนเทนเนอร์แสดงให้เห็นว่า ถ้าตำรวจไม่อดทนอดกลั้นต้องลากตัวลงมาแล้ว ก่อนที่ตำรวจจะเริ่มปฏิบัติตามยุทธวิธีหรือตามขั้นตอน เราประกาศแจ้งเตือนและลูกน้องเราถูกกระทำ จนกระทั่งเกรงว่าสถานการณ์จะลุกลามจนควบคุมไม่ได้ อยากจะขอ เราเป็นคนไทยด้วยกันการเห็นต่างมีการแสดงออกได้หลายทางก็ทำในช่องทางที่ถูกต้อง

รอง สว.ที่ตายได้ยศ “พ.ต.อ.”

ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยและกำชับให้ดูแลและเยียวยาครอบครัว ร.ต.อ.วิวัฒน์ เสริฐสนิท รอง สวป.สน.ธรรมศาลา เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรม เบื้องต้นจะเลื่อน 3 ขั้น 3 ชั้นยศ เป็นยศ พ.ต.อ. และนำเงินสวัสดิการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวน 2,740,000 บาท

...

จับม็อบ 22 คน ตำรวจเจ็บ 90 นาย

ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิดในที่เกิดเหตุปะทะกันได้ 22 คน นำส่งพนักงานสอบสวน การจับกุมเป็นไปตามขั้นตอนและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เบื้องต้นแจ้งข้อหาในความผิดร่วมกันชุมนุมหรือจัดกิจกรรมในพื้นที่ในสถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ความผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.ก.ฉุกเฉินบางส่วนมีความผิด พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาหรือใช้เครื่องขยายเสียง ข้อหาร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่ และใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน และมีผู้ร่วมกระทำผิดบางส่วนทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน เหตุเกิดที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ ส่วนที่ สน.ดินแดง และ สน.สุทธิสาร มีความผิดเกี่ยวกับวางเพลิงเผาทรัพย์ ทุบทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 90 นาย รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ 27 ราย และเสียชีวิต 1 นาย

“บิ๊กปั๊ด” เยี่ยมตำรวจบาดเจ็บ

...

ที่ รพ.ตร. เมื่อเวลา 14.15 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เดินทางไปเยี่ยมและมอบเงินบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่เหตุชุมนุม พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า มีตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ 27 นาย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 25 นาย กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน 2 นาย และมีตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ส่วนกรณีตำรวจเสียชีวิตมีกระแสข่าวออกมาว่าใช้กำลังโดยที่ไม่ได้พักผ่อน จะบอกว่าใช้โดยไม่ได้พักผ่อนคงเป็นการหาเรื่องกัน เขาเสียชีวิต เราดูแลกำลังพลของเรา

ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงก่อน

ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า เรื่องการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมยังยืนยันหลักการเดิม ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละห้วงเวลา ตำรวจพยายามหาความสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรง จริงๆไม่มีใครอยากให้เกิดความรุนแรง ตำรวจไม่เคยสนับสนุนเรื่องการใช้กำลัง แต่เมื่อจำเป็นต้องบังคับ สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรง ต้องเรียนรู้ทุกครั้งว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ล่าสุดจะเห็นว่าจากที่เคยมีแกนนำ รถเครื่องขยายเสียง มีการควบคุมมวลชน ครั้งนี้หายไป จะมีกลุ่มหนึ่งที่เริ่มใช้กำลังกับเจ้าหน้าที่เลย ตนไม่ขอพูดว่าเป็นเรื่องเจตนาหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงมีคนกลุ่มหนึ่งตั้งใจที่จะทำแบบนั้น มีการพูดคุยหลายครั้งว่าตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น หากไม่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำลายเครื่องกีดขวาง หรือพยายามฝ่าฝืนคำเตือนคงไม่มีเรื่องแบบนี้ พอมีแล้วมันควบคุมยาก แม้แต่ตัวผู้ชุมนุมเองคุมกันไม่ได้ ถ้าเกิดมีความสูญเสียขึ้นมาเป็นเรื่องที่ทุกคนเสียใจ ไม่ได้ประโยชน์อะไร

สว.สส.สน.ดินแดงโดนทำร้าย

ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่ สน.ดินแดง พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.พร้อม พ.ต.อ.พงษ์จักร จักษุรักษ์ รอง ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.รัฐชัย ศรีวิชัย ผกก.สน.ดินแดง ประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้ชุมนุม พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า มาติดตามผลการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น 3 ส่วนคือ 1.การจับกุมชุมนุมหน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์หลายสิบราย 2.การทำลายทรัพย์สิน สน.ดินแดง พบว่ามีรถกระบะและรถ จยย.ของราชการ รวมถึงตัวอาคารที่ได้รับความเสียหาย และยังมีทรัพย์สินเอกชนและประชาชนโดยรอบได้รับความเสียหาย ต้องตามตัวเจ้าของมาแจ้งความ พร้อมประเมินค่าความเสียหาย กำลังตรวจสอบผู้กระทำผิดเข้าข่ายความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ซึ่งสาธารณประโยชน์ และ 3.เรื่องการทำร้ายร่างกาย พ.ต.ท.นพโรจน์ พัชราจิระศักดิ์ สว.สส.สน.ดินแดง ที่สืบสวนหาข่าวในถนนวิภาวดีรังสิตต้องแยกอีกสำนวน มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ 8-10 คนมีคนทำร้าย 2-3 คน นอกจากนี้ยังมีชาวเมียนมาหลายคนขึ้นรถขยายเสียงร่วมชุมนุมด้วย กำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคลและจะดำเนินคดี หากในอนาคตจะมาชุมนุมร่วมกับชาวไทย ต้องยอมรับสภาพการถูกดำเนินคดี

...

เตือนสื่อรับปลอกแขนกันพลาด

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า กรณีตำรวจเข้าควบคุมตัวนักข่าวสำนักหนึ่ง เนื่องจากขณะนั้นตำรวจไม่สามารถ แยกแยะจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ หากไม่มีการแสดงตัวหรือเครื่องหมายสัญลักษณ์สื่อมวลชนที่ชัดเจน หากพิสูจน์ตัวบุคคล มีหลักฐานระบุว่าเป็นสื่อมวลชน พนักงานสอบสวนจะสั่งไม่ฟ้อง หากไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นสื่อจริง ต้องทำตามกระบวนการ ไม่ใช่เฉพาะผู้สื่อข่าว แต่ยังรวมถึงประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้าไปร่วมชุมนุม ส่วนกรณีมีนักข่าวถูกกระสุนยางยิงใส่ ตำรวจไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครคือสื่อ มวลชน ม็อบ หรือกลุ่มแพทย์อาสา ขอความร่วมมือสื่อที่เข้าติดตามเหตุการณ์ให้ลงทะเบียนเพื่อรับปลอกแขนสื่อมวลชนที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ตำรวจ นครบาล สัญลักษณ์ปลอกแขนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมจะแยกแยะได้ว่า ใครเป็นใคร หากคนกลุ่มนี้ถูกลูกหลงจะได้รับการเยียวยา

แนวร่วมฯแบนทหาร–ตำรวจ

ในส่วนของความเคลื่อนไหวในแพลตฟอร์มต่างๆของแนวร่วมผู้ชุมนุมบนโลกออนไลน์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กเพจของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม แกนนำหลักของม็อบราษฎรโพสต์ข้อความ ว่า ขอความร่วมมือประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน ร่วมกันแบนตำรวจและทหาร งดการค้าขายให้แก่ตำรวจและทหารทุกกรณี เพื่อประณามการใช้ความรุนแรงกับประชาชน ขณะที่เฟซบุ๊กเพจกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free YOUTH) ตัวตั้งตัวตีจัดตั้งกลุ่มรีเดม (REDEM) โพสต์ข้อความระบุว่า “นี่เป็นครั้งแรกในการชุมนุมของ REDEM ที่มวลชนร่วมกันขับเคลื่อนไปด้วยกัน แต่วันนี้รัฐเผด็จการและตำรวจกลับใช้ความรุนแรงกับประชาชนเต็มรูปแบบ ทั้งการจับกุมแบบรุนแรง ฉีดแก๊สน้ำตา ระดมยิงกระสุนยางใส่ประชาชนผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ภายใต้รัฐเผด็จการ ประชาชนถูกกระทำความรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วน นี่เป็นการกระทำชั่วช้าของรัฐเผด็จการ ทุกหน่วยงาน ทุกนาย ทุกลูกน้องที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในวันนี้ทั้งหมด จะต้องรับผิดชอบหากเรายืนยันว่า เราจะไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ นี่คือการต่อสู้เพื่อให้เรายืนหลังตรงเยี่ยงมนุษย์

รีเดมเสียงแตกไม่มีแกนนำ

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มรีเดม (REDEM) บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมของกลุ่มที่ถูกจัดตั้งขึ้นไว้เพื่อโหวตความคิดเห็นต่างๆของมวลชนแนวร่วม หลังเสร็จสิ้นการนัดหมายชุมนุม 28 ก.พ.ยังไม่มีท่าทีใดๆออกมาจากแอดมินหลัก ขณะเดียวกันมีสมาชิกจำนวนมากแชตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกับการชุมนุมครั้งแรก บ้างก็มองว่าเป็นความสำเร็จ แล้วอยากให้ตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่ใช้ความรุนแรงบ้าง เนื่องจากแนวทางสันติวิธีใช้ไม่ได้ผล ขณะที่แนวร่วมบางส่วนกลับมองว่าการไร้แกนนำทำให้ยากที่จะควบคุมทิศทางการขับเคลื่อนมวลชน และการใช้ความรุนแรงจะส่งผลให้พ่ายแพ้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีมวลชนที่สนับสนุนทางกลุ่มเรียกร้องให้มีการจัดการชุมนุมต่อเนื่อง ไม่ควรยุติในช่วงนี้

นายกฯเสียใจตำรวจ อคฝ.ตาย

ที่สำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แสดงความเสียใจกรณี ร.ต.อ.วิวัฒน์ สินเสริฐ สังกัด สน.ธรรมศาลา ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนในเหตุการณ์การชุมนุมวันที่ 28 ก.พ.เกิดอาการหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิต นายกฯรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และผู้บังคับบัญชาทุกระดับดูแลสวัสดิการตามระเบียบทางราชการอย่างเต็มที่ และให้กำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่สำคัญต้องใส่ใจเรื่องสภาพความพร้อมของร่างกายและจิตใจก่อนปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีใครอยากให้เกิดกรณีเช่นนี้ ไม่ว่าเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือผู้ชุมนุม ขอให้ผู้ชุมนุมตระหนักถึงเรื่องนี้ให้มาก ทุกคนมีสิทธิชุมนุมแต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ไม่ใช้ความรุนแรง หรือยั่วยุให้เกิดความแตกแยกในสังคม ฝากความห่วงใยถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน ระมัดระวังปฏิบัติตามหลักยุทธวิธีสากล คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและตนเองเป็นสำคัญ

โวยม็อบใช้ความรุนแรง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ก็เห็นแล้วว่าเป็นความ รุนแรง เพราะฉะนั้นต้องเสนอข่าวทั้ง 2 ทาง ไม่ใช่บางสื่อเสนอข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงแต่เพียงข้างเดียว ภาพอีกฝ่ายไม่ออกเลย ตนว่าบ้านเมืองมันอยู่ไม่ได้ ขอร้องสื่อทุกสื่อ ตนก็ติดตามอยู่ว่าทำไมออกข่าวแต่เพียงข้างเดียวว่า ตำรวจใช้ความรุนแรง ท่านไม่ดูก่อนหน้าที่จะเกิดการชุมนุมที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น แรกๆก็โอเคเป็นไปตามปกติของเขา รู้อยู่แล้วเขาพูดจาอะไร ก็เป็นเรื่องเขาทำถูกทำผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย แต่หลังจากนั้นใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น รุกเข้ามาในพื้นที่ของตำรวจ รุกเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่หวงห้าม และใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาก็จำเป็นต้องใช้มาตรการตามมาตรฐานสากลออกไป

“ธนกร” ซัด “ธนาธร-พท.” ใส่ร้าย รบ.

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ทวิตเตอร์ระบุผู้มีอำนาจกดขี่ประชาชน รัฐที่ก่อความรุนแรงเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะนายธราธรอยู่เบื้องหลังม็อบใช่หรือไม่ ประชาชนไม่ได้กินหญ้า รับรู้และเห็นอย่างชัดเจนว่าม็อบก่อความรุนแรงทำร้ายเจ้าหน้าที่ นายธนาธรเป็นโมฆะบุรุษขี้ขลาดโหนกระแสเด็กทำลายประเทศ ตั้งใจใส่ร้ายรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดแล้ว ขนาดชาวบ้านแถวดินแดงทนไม่ไหวต้องออกมาแสดงความไม่พอใจม็อบ ส่วนพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ประณามเจ้าหน้าที่ตนเข้าใจดีว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนม็อบ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า รัฐบาลใช้หลักสากลมาโดยตลอด ไม่เคยปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนชุมนุมอย่างสันติ แต่ถามว่า การชุมนุม 28 ก.พ. ชุมนุมอย่างสงบหรือไม่ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าความเสียหายของประเทศ

“ชวน” วอนชุมนุมอยู่ในกรอบ

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มที่เกิดขึ้นว่า อยากแนะนำว่า ทุกฝ่ายต้องพยายามรักษากฎหมายบ้านเมือง เพราะเป็นแนวทางดีที่สุดตามหลักรัฐธรรมนูญ สิทธิในการชุมนุมโดยสงบจะไม่มีปัญหาอะไร ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงนอกกฎหมาย เพราะวันข้างหน้าจะมีผลกลับมา เวลาทำอะไรไป วันข้างหน้าอะไรที่ผิดกฎหมายจะย้อนกลับมา ดังนั้นทุกฝ่ายต้องระมัดระวังเรื่องนี้

พท.ประณามรัฐบาลปราบม็อบ

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอประณามและไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 28 ก.พ.พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนท่าทีพิจารณาใช้มาตรการจัดการกับการเคลื่อนไหวของประชาชนตามมาตรฐานสากล เคารพและคุ้มครองเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ แทนใช้มาตรการที่มุ่งเน้นจำกัดหรือสกัดกั้นการชุมนุม เพราะที่ผ่านมามีบทเรียนแล้วว่า มาตรการใช้ความรุนแรงอย่างเคยชินนำไปสู่ความล้มเหลวของรัฐบาล เกิดสภาวะตึงเครียดระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน เป็นบ่อเกิดสถานการณ์ขยายตัวรุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีสิทธิทำร้ายประชาชนเกินกว่าเหตุราวกับอาชญากรร้ายแรง ขอแสดงความเสียใจครอบครัว ร.ต.อ.วิวัฒน์ เสริฐสนิท ที่เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวขณะปฏิบัติหน้าที่ ขอให้เยียวยาดูแลประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐโดยเร็วที่สุด

ฝากขัง 22 ม็อบได้ประกัน 8 คน

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ยื่นฝากขังนายพรชัย มายอด อายุ 38 ปีกับพวกรวม 17 คน ผู้ต้องหาคดีก่อม็อบหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสำนวนแรก ส่วนสำนวนที่ 2 ฝากขัง นายธีรยุทธ อุดทา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาคดีก่อม็อบทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจรวม 6 ข้อหา ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เหตุเกิดหน้าร้านสะดวกซื้อข้างโรงแรมปริ๊นซ์ตัน แขวงรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสอบพยานทั้งหมด 10 ปาก แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น รอผลพิสูจน์ต่างๆขอฝากขังทั้ง 18 คนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-12 มี.ค. และคัดค้านการประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง ผู้ต้องหานำลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 4 คน ใช้หลักทรัพย์ระหว่าง 35,000-70,000 บาท วันเดียวกันที่ศาลเยาวชนและครอบครัว พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง นำตัวเยาวชนชาย 4 คน มาขออำนาจศาลฝากขังคดีเดียวกัน เยาวชนบางคนไม่เคยปรากฏการกระทำผิดมาก่อน ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ ส่วนเยาวชนบางคนศาลตรวจสอบพบว่า เคยมีประวัติกระทำความผิดให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

รีเดมก่อม็อบรอบ 2 วันที่ 6 มี.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. แอดมินกลุ่ม REDEM เริ่มเคลื่อนไหวบนสื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มเทเลแกรมกลุ่ม REDEM อีกครั้ง เปิดให้โหวตหัวข้อ “ม็อบต่อไปวันไหนดี” พร้อมออกแบบฟอร์มออนไลน์ให้มวลชนเลือกวันนัดหมายชุมนุม ปรากฏว่ามีมวลชนเข้ามาร่วมโหวตคึกคัก กระทั่งเวลา 20.00 น. ปิดโหวตสรุปมีผู้ร่วมโหวต 5,616 เสียง เลือกชุมนุมครั้งที่ 2 เป็นวันที่ 6 มี.ค. ร้อยละ 37 ทั้งนี้ แอดมินจะเปิดให้โหวตสถานที่นัดชุมนุมอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนัดหมายในวันดังกล่าวตรงกับการนัดหมายชุมนุมกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันนัดหมายชุมนุม ผ่านทางเฟซบุ๊กเพจวันที่ 6 มี.ค. รวมแสดงพลัง ปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ เวลา 14.00 น.