หนีไม่รอด 2 โจรชุดดำควงปืนบุกจี้ร้านทองในห้างบิ๊กซีกลางเมืองนนทบุรี กวาดสร้อยทองน้ำหนัก 251 บาท พระเลี่ยมทอง 13 องค์ และเงินสด รวมมูลค่ากว่า 6.5 ล้านบาท ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิดใช้เวลาวันเดียวตามลากคอคนแรกได้ที่บ้านพักคนงานแพลนท์ปูนย่านพระราม 3 ดักซุ่มรอตะครุบตัวเพื่อนอีกคนขณะนำสร้อยทองมาแบ่งกัน ยึดคืนทองของกลางยังขาดอีก 70 บาท ที่เพื่อนแสบยักเก็บไว้ อ้างต้องการหาเงินไปใช้หนี้ เช็กประวัติหนึ่งในคนร้ายเคยตกเป็นผู้ต้องหาปล้นรถขนเงินธนาคาร 13 ล้านบาท ท้องที่ สน.ปทุมวัน เมื่อปี 58 แต่ศาลยกฟ้อง

จากเหตุการณ์ 2 โจรชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ควงปืนบุกจี้ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ในห้างบิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ อ.เมืองนนทบุรี กวาดทรัพย์สินสร้อยทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 251 บาท พระเลี่ยมทอง 13 องค์ และเงินสด 82,000 บาท รวมทั้งหมดมูลค่ากว่า 6.5 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ก.พ. หลังก่อเหตุทั้งคู่วิ่งออกจากห้างไปขึ้นรถ จยย.ยามาฮ่าเอ็นแม็กซ์สีดำขี่หลบหนีไป

ความคืบหน้าตำรวจใช้เวลาเพียงวันเดียวสามารถสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายได้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.พ. พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกูล ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.บรรจบ ราชกิจ สว.สส. พร้อมชุดสืบสวนแกะรอยจากกล้องวงจรปิดจนทราบเบาะแสของคนร้าย นำกำลังบุกเข้าจับกุมตัวนายคันศร วสุกิรัญ อายุ 39 ปี คนงานโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จหรือแพลนท์ปูนย่านพระราม 3 กรุงเทพฯ ได้ที่บ้านพักคนงานในแพลนท์ปูน พร้อมของกลางรถ จยย.ยามาฮ่าเอ็นแม็กซ์ สีขาวและปืน .38 ที่ใช้ก่อเหตุ

สอบสวนนายคันศรรับสารภาพว่า เป็นหนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุจี้ร้านทอง ทำหน้าที่ถือปืนคุมเชิง เก็บทองใส่กระเป๋า และขี่รถ จยย.พากันหลบหนี ส่วนเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุคือนายทวีวงศ์ หรือตูน หอมเนียม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/71 ถนนสวรรคโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ หลังก่อเหตุแยกหลบหนีไปพร้อมสร้อยทองทั้งหมดที่ยังไม่ได้แบ่ง วันนี้นายทวีวงศ์นัดว่าจะเข้ามาหาเพื่อแบ่งทอง ตำรวจจึงกระจายกำลังดักซุ่มอยู่ในพื้นที่โดยรอบ

...

กระทั่งเวลา 14.00 น. นายทวีวงศ์ขี่รถ จยย.ยามาฮ่าเอ็กซ์แม็กซ์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาในแพลนท์ปูน ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่จู่โจมเข้าจับกุมตัวไว้ได้ ตรวจค้นใต้เบาะรถ จยย.พบสร้อยทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 180 บาท และปืนกล็อก 2 กระบอก จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปสอบสวนที่ บก.ภ.จ.นนทบุรี มี พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ร่วมสอบปากคำ

ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ต้องการหาเงินไปใช้หนี้ ก่อนเกิดเหตุขี่รถ จยย.ยามาฮ่าเอ็นแม็กซ์ สีขาว ติดสติกเกอร์อำพรางเป็นสีดำ มาจากแพลนท์-ปูนเข้าไปจอดในห้างบิ๊กซี เดินวนดูลาดเลา 2 รอบจนสบโอกาสเข้าไปลงมือก่อเหตุ นายทวีวงศ์ ปีนข้ามตู้กระจกเข้าไปหยิบทอง ส่งให้นายคันศรที่ยืนถือปืนคุมเชิงหน้าร้านเก็บใส่กระเป๋าสะพาย หลังก่อเหตุขี่รถ จยย.หลบหนี ขึ้นเกือกม้ากลับรถหน้าห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ มุ่งหน้าแยกพงษ์เพชร เลี้ยวไปทางเตาปูนก่อนจะจอดข้างริมถนนสามเสน ลอกสติกเกอร์สีดำที่ปิดทับสีขาวของรถ จยย.ออกไม่ให้เป็นที่สังเกตของตำรวจหากถูกวิทยุสกัดจับ จากนั้นขี่รถไปที่บ้านพักคนงานแพลนท์ปูนย่านพระราม 3 ที่นายคันศรทำงานอยู่ นายทวีวงศ์เป็นคนเก็บทองทั้งหมดขี่รถ จยย.อีกคันแยกหลบหนีไปคอนโดฯที่พักย่านประชาชื่น ก่อนนัดหมายจะเอาทองมาแบ่งกันแต่ถูกตำรวจจับกุมก่อน

อย่างไรก็ตาม จากการแยกสอบสวน 2 ผู้ต้องหายังให้ปากคำในรายละเอียดบางอย่างที่ขัดแย้งกันอยู่ ตำรวจยึดคืนของกลางเงินสดมาได้ 1 หมื่นบาท และสร้อยทองน้ำหนักประมาณ 180 บาท ยังขาดหายไปน้ำหนักประมาณ 70 บาท คาดว่านายทวีวงศ์แอบยักยอกเพื่อนเก็บซ่อนไว้เอง ตำรวจอยู่ระหว่างนำตัวไปค้นหาที่ห้องพักคอนโดฯย่านประชาชื่น และในวันที่ 27 ก.พ. จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังร้านทองที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ดำเนินคดี จากการตรวจสอบประวัตินายทวีวงศ์ หนึ่งในผู้ต้องหาพบว่า เมื่อปี 58 เคยตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับพวกอีก 3 คน ก่อเหตุปล้นรถขนเงินธนาคารกสิกรไทย ห้างโลตัส สาขาพระราม 1 ท้องที่ สน.ปทุมวัน ได้เงินสด 13 ล้านบาท ก่อนถูกตำรวจจับกุมตัวดำเนินคดี แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้อง