“ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” อดีตหัวหน้าอุทยานฯแก่งกระจาน ออกโรงซัด ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดให้ออกจากราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 คดีเผาบ้าน“ปู่คออี้” พ่อเฒ่ากะเหรี่ยงบ้านบางกลอยพร้อมชาวบ้านวอดนับร้อยหลัง ระบุเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ไม่เคยเข้าไปดูจุดเกิดเหตุจริง แต่กลับเชื่อข้อมูลในกระดาษที่มีคนเอามาฟ้อง ยันไม่มีการเผาบ้านปู่คออี้ตามที่ถูกกล่าวหา วอนขอความเป็นธรรมให้ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่พิสูจน์ความจริง ยังมีเวลาอีก 3 เดือนให้กลับมาพิจารณาใหม่ ไม่ต้องรีบ

หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. มีมติชี้มูลความผิดนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 (อุบลราชธานี) กรมอุทยานแห่งชาติฯ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และพวกเจ้าหน้าที่อุทยานฯรวม 6 คน ให้ออกจากราชการฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 คดีที่เข้ารื้อถอนเผาทำลายบ้านเรือน ยุ้งฉาง และทรัพย์สินอื่นๆของนายโคอิ หรือปู่คออี้ มีมิ พ่อเฒ่าชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน และชาวบ้านนับร้อยหลัง เหตุเกิดเมื่อเดือน พ.ค.54

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อขอสัมภาษณ์นายชัยวัฒน์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมานายชัยวัฒน์ส่งข้อความผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ว่า จากที่สื่อมวลชนได้โทร.หา ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้รับสาย ตนได้อ่านจากสื่อตีพิมพ์/โทรทัศน์จับใจความได้ว่า ป.ป.ท : มีการให้ข่าว! ชี้มูลว่า ให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ออกจากราชการ มีความผิดเผาบ้านปู่คออี้ และให้อัยการฟ้องคดีอาญา

นายชัยวัฒน์ให้ข้อมูลว่า ตนเป็นข้าราชการ ดำเนินคดีในคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาหลายคดี ทุกคดีเราให้ความเป็นธรรม และต้องสามารถตอบข้อซักถามต่อพนักงานสอบสวนและศาลได้ว่า แต่ละคดีมีที่มาที่ไปอย่างไร จุดเกิดเหตุพิกัดอยู่ที่ไหน ลักษณะโดยรอบรวมถึงสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร และความเสียหายมีขอบเขตเท่าใด เพราะการกล่าวหาดำเนินคดีใครสักคน เราต้องมีความเป็นธรรมเป็นกลาง และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปที่จุดเกิดเหตุ และเห็นพยานแวดล้อมทั้งหมดเสียก่อนจึงจะทำหน้าที่ข้าราชการที่ดีได้ หลักการทั่วไปที่ต้องปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ต้องทำคือต้องมีพิกัดจุดเกิดเหตุและต้องพิสูจน์ว่าตรงตามแผนที่หรือไม่ ต้องพิสูจน์ทราบตามพิกัดว่าตรง
และจริงตามฟ้องหรือไม่ เจ้าหน้าที่ต้องลงจุดเกิดเหตุ? แล้วได้ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเองใช่หรือไม่? เปรียบเทียบภาพประกอบที่แนบตามฟ้องว่ามุมกล้องในภาพตรงกับจุดเกิดเหตุจริงหรือไม่? แล้วเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และพนักงานสอบสวนได้นำสืบหาพยานหลักฐานตามข้อมูลพื้นฐานนี้หรือยัง?

...

นายชัยวัฒน์ให้ข้อมูลอีกว่า จนถึงวันนี้แล้วไม่มีใครแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ก็ไม่เคยเข้าไปที่จุดเกิดเหตุสักคนเดียว ทั้งที่ตนปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีการเผาบ้านปู่คออี้ตามฟ้องแต่อย่างใด และยังร้องขอท้ายบันทึกวันที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.สอบสวนว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ไปดูจุดเกิดเหตุว่ามีจริงหรือไม่ และอยู่ตรงไหน ขออย่าเชื่อกระดาษที่ผู้ฟ้องเอามาให้ดูอย่างเดียว การสอบสวนใช้วิธีการนั่งสอบสวนสอบปากคำพยานบุคคลและเชื่อข้อมูลในกระดาษ นี่หรือคือ “ความเป็นธรรม” มีเจตนาพิเศษอะไรหรือเปล่า

“ฝากเรียนผู้ที่เกี่ยวข้อง ยังมีเวลาอีกสามเดือนยังพอที่จะชี้มูลให้ผมออกจากราชการได้ วันนี้ ! ใช้โอกาสนี้ขอ ฮ.ของกระทรวงทรัพย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ ที่เป็นปัญหาอยู่ที่โป่งลึกบางกลอยกับพื้นที่ที่ชาวบ้านพยายามขึ้นไปแถวบางกลอยบน อาศัย ฮ.ลงไปที่ที่ผู้ฟ้องอ้างว่ามีการเผา ลงไปดูก่อนว่ามีจริงหรือไม่แล้วกลับมาพิจารณาอีกที ผมว่ายังมีเวลา ไม่ต้องรีบหรอกครับ เดี๋ยวจะเสียเรื่องจริยธรรมคุณธรรม” นายชัยวัฒน์ระบุในตอนท้าย