"จุรินทร์" ลงนาม MOU ร่วม 18 องค์กรรัฐและเอกชน ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม และกลุ่มกิจการเพื่อสังคมให้เติบโตเต็มที่
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่องการส่งเสริมสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม และกลุ่มกิจการเพื่อสังคม โดยมีผู้บริหารองค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน 18 องค์กรเข้าร่วม ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ 3 ช้ัน 4 โรงแรม เซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ทั้งนี้การส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็น 1 ในนโยบายสำคัญของรัฐบาล
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นทิศทางก้าวใหม่ที่สำคัญของประเทศ เพื่อมุ่งเน้นในการส่งเสริมสนับสนุนให้ธุรกิจได้เข้ามามีส่วนในการรับใช้สังคมมากขึ้นมากกว่าธุรกิจปกติซึ่งได้ทำในรูปของ CSR ซึ่งประเทศเราประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมพุทธศักราช 2562 มีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์หลักส่งเสริมการจ้างงานกับบุคคลผู้สมควรได้รับการส่งเสริมเป็นพิเศษรวมทั้งการแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาชุมชนสังคมรวมทั้งสิ่งแวดล้อม
...
"ในฐานะที่ผมเข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ได้ร่วมกับคณะกรรมการทุกท่านดำเนินการหลายประการในช่วงที่ผ่านมา เราสนับสนุนส่งเสริมให้มีการจดทะเบียน และจดแยกวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือธุรกิจที่ต้องการพัฒนาตนเองไปเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมต่อไปในอนาคต" นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีวิสาหกิจเพื่อสังคมจำนวนทั้งสิ้น 148 กิจการทั่วประเทศโดยจำนวนนี้เป็นกิจการที่ไม่ประสงค์แบ่งผลกำไรถึง 124 กิจการ และอีก 24 กิจการนั้นสามารถแบ่งผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นตามกฎหมายได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ แต่ที่น่ายินดี คือ เราไม่ได้หยุดอยู่เฉพาะที่ 148 วิสาหกิจเพื่อสังคม แต่ยังมีอีก 10 กิจการที่ได้มาจดแจ้งเพื่อเตรียมการที่จะพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมต่อไป ทำให้มองเห็นว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมในประเทศของเรานั้นมีความคืบหน้า ที่สำคัญและเป็นภารกิจของภาครัฐและทุกองค์กรจะต้องช่วยกันทำให้เข้มแข็งเพื่อทำหน้าที่รับใช้สังคมและสามารถยืนหยัดทำธุรกิจของตนเองต่อไปได้ไม่ล้มหายตายจากไป
และมี 4 ข้อที่เป็นการบ้านร่วมกันคือ 1. เรื่องทุน หลายองค์กรจับมือกันจะช่วยเหลือวิสาหกิจเพื่อสังคมในปัจจุบันและที่กำลังจะเกิดใหม่ต่อไป 2. เรื่องการผลิตทั้งการพัฒนา ออกแบบ ภาคการผลิตสินค้าหรือบริการ 3. เรื่องการตลาด ทางกระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาเป็นหน่วยงานสำคัญอีกอันหนึ่งช่วยส่งเสริมสนับสนุน และ 4. เรื่องเทคโนโลยี ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ในการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมของไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป