ลูกสาวคนไข้ดูดไขมันจนเสียชีวิตคาคลินิก เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งความดำเนิน คดีผู้เกี่ยวข้อง เผยตกลงดูดไขมันบริเวณหลังไปฉีดใส่บริเวณใบหน้า ราคารวม 1.2 แสนบาท ก่อนเข้ารับการดูดไขมันเข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้ว พบว่าแข็งแรงดี ไม่แพ้ยาอะไร ก่อนหน้านี้เคยดูดไขมันมาแล้วไม่ใช่ครั้งแรก อธิบดี สบส.บุกตรวจคลินิกที่เกิดเหตุ พบขออนุญาตถูกต้อง มีอุปกรณ์การแพทย์ครบถ้วน แต่เปิดให้บริการไม่ตรงตามเวลาที่ขออนุญาต แจ้งข้อหาดำเนินการประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องของคลินิกมาให้ปากคำ หากพบการกระทำผิดจะรวบรวมข้อมูลให้แพทยสภาพิจารณาดำเนินการ
กรณีนางศรัณย์ภัทร์ กาญจนสุวรรณ์ อายุ 54 ปี น้องสาวอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าไปทำศัลยกรรมดูดไขมันที่คลินิกชื่อดังแห่งหนึ่งบริเวณถนนรามคำแหง และเสียชีวิตคาเตียงคนไข้ ทำให้ญาติออกมาร้องเรียนสื่อมวลชน เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เบื้องต้นตำรวจ สน.หัวหมาก เรียกสอบปากคำแพทย์ พยาบาล และผู้เกี่ยวข้องฝ่ายคลินิกสอบปากคำแล้ว 6 ปาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าจาก สน.หัวหมาก เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ก.พ. น.ส.อัยมิญห์ อิทธีรนันท์ อายุ 30 ปี ลูกสาวของนางศรัณย์ภัทร์ กาญจนสุวรรณ์ ผู้เสียชีวิต เข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.หัวหมาก น.ส.อัยมิญห์ เผยกับผู้สื่อข่าวว่า แม่ตั้งใจจะดูดไขมันที่ช่วงหลังออก เพราะก่อนหน้านี้ออกกำลังกายมาตลอดแต่ไม่สามารถกำจัดไขมันที่หลังได้ ก่อนแม่ตัดสินใจดูดไขมันกับคลินิกแห่งนี้ ไปปรึกษาโรงพยาบาลและคลินิกมาหลายแห่ง จนคลินิกแห่งนี้เข้ามาพูดคุย แพทย์ของคลินิกให้ข้อมูลและการันตีผลการรักษา รวมทั้งพยายามโน้มน้าวว่าสามารถทำได้สำเร็จ จนแม่เชื่อใจตกลงเข้ารับบริการดูดไขมันไปฉีดใส่บริเวณใบหน้า ค่าใช้จ่ายรวม 120,000 บาท
...
“วันที่ 20 ก.พ. แม่บอกให้เดินทางไปรับกลับบ้านเวลา 14.00 น. แต่ช่วงเวลา 13.06 น. ทางคลินิกติดต่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ทั้งข้อความและการโทร. แต่บัญชีไลน์ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกัน ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ คลินิกจึงเปลี่ยนไปติดต่อน้องชายว่า แม่เริ่มมีอาการผิดปกติ เวลานั้นน้องชายพยายามบอกให้คลินิกพาแม่ไปส่งโรงพยาบาล เมื่อเดินทางไปถึงคลินิกเข้าไปหาแม่ ขณะนั้นตัวแม่เย็นแล้ว ครอบครัวขอตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนติดต่อญาติทำไมไม่นำตัวแม่ส่งโรงพยาบาลทันที ทั้งที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ถึง 2 แห่ง” น.ส.อัยมิญห์กล่าว
น.ส.อัยมิญห์กล่าวต่อว่า หลังตนเข้าไปถึงคลินิกเห็นว่า อุปกรณ์รวมทั้งสถานที่ดูไม่ได้มาตรฐานคลินิกเป็นตึกแถว อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ทำศัลยกรรมและกู้ชีพดูไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงในถังขยะภายในห้อง เจอหลอดฉีดยาที่ภายในบรรจุน้ำสีขุ่นคล้ายยาสลบ ซึ่งจากการตกลงกันระหว่างแม่และคลินิกระบุว่าจะใช้เพียงยานอนหลับเท่านั้น หลังเกิดเหตุตนมีโอกาสคุยกับแพทย์เจ้าของเคส แพทย์แจ้งว่าหลังจากเริ่มดูดไขมันเพียง 20 นาที แม่เริ่มมีอาการผิดปกติ พยาบาลและหมอพยายามกู้ชีพด้วยการทำซีพีอาร์แต่ไม่เป็นผล
น.ส.อัยมิญห์กล่าวด้วยว่า ก่อนแม่ไปรับการดูดไขมัน ต้องไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลก่อน และพูดคุยกับพยาบาลของคลินิกถึงความกลัวว่า วางยานอนหลับจะฟื้นหรือไม่ พยาบาลรับปากว่า ต้องฟื้นแน่นอน แม่ไม่เคยแพ้ยา ที่ผ่านมาสุขภาพแข็งแรงมากเพราะดูแลตัวเองอย่างดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แม่เคยผ่านการดูดไขมันมาแล้ว ไม่เคยมีปัญหา ไม่มีอาการแทรกซ้อน วันนี้ที่เดินทางมา สน.หัวหมาก เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการสอบปากคำฝั่งผู้เสียหายเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้สอบปากคำบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 6 คนของคลินิกไปแล้ว และตนต้องการแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมด้วย เพื่อดำเนินคดีแพทย์และพยาบาลของคลินิก
ต่อมาเวลา 12.30 น. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และ ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส.ลงพื้นที่ตรวจสอบปาริชาด คลินิก สถานเสริมความงาม เลขที่ 450 ซอยรามคำแหง 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 1 คูหา 3 ชั้น เป็นคลินิกที่ผู้เสียชีวิตใช้บริการดูดไขมันสำหรับคลินิกดังกล่าวได้รับใบอนุญาตประกอบการเลขที่ 10101006660 ใช้เวลาตรวจสอบ 30 นาที
นพ.ธเรศเผยว่า หลังจาก สบส.ได้ข่าวว่า มีผู้เสียชีวิตจากการรับบริการดูดไขมัน ส่งทีมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คลินิกแห่งนี้เปิดให้บริการประเภทไม่รับผู้ป่วยค้างคืน มี 3 ชั้น ชั้น 3 เป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก ชั้น 2 ให้บริการความงามและเก็บอุปกรณ์ยา ได้มาตรฐานตามที่ขออนุญาต ตำแหน่งที่ตั้งและสถานที่ถูกต้อง พบอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพและเครื่องฟื้นคืนชีพ ตำรวจเก็บรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐานทางคดี แต่คลินิกเปิดบริการไม่ตรงเวลาที่ขออนุญาต 17.00-20.00 น. แต่ทราบว่าให้บริการตั้งแต่ 12.00 น. เบื้องต้นจะแจ้งความข้อหาดำเนินการประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการพิจารณาว่า แพทย์ผู้ให้บริการดำเนินการตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่ สบส.จะเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ หากพบการกระทำผิดจะรวบรวมข้อมูลให้แพทยสภาพิจารณาดำเนินการด้านจริยธรรมต่อไป
นพ.ธเรศกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีผู้ป่วยเสียชีวิต เท่าที่ทราบหมอที่ทำหัตถการ พยายามช่วยฟื้นคืนชีพแล้วแต่ไม่สำเร็จ ส่วนที่ลูกผู้เสียชีวิตตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดคลินิกไม่ส่งผู้ตายไปโรงพยาบาลนั้น คลินิกชี้แจงว่า อยู่ในขั้นตอนระหว่างส่งต่อ อาการผู้เสียชีวิตขณะนั้นอาจไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้าย เรื่องการเสียชีวิตต้องรอผลการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งมีหลายปัจจัย การดูดไขมันเป็นหัตถการรักษาที่มีความเสี่ยง มีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้รักษาเอง ประวัติการแพ้ยาของคนไข้ ยาที่ฉีดเพื่อทำให้คนไข้ลดความเจ็บปวด เพราะยาบางชนิดอาจทำให้ความดันตก หรือเกิดจากการใช้เครื่องมือสอดเข้าไป หากดูดไขมันออกปริมาณมากและรวดเร็ว อาจทำให้ช็อกได้ เบื้องต้นยังไม่สั่งปิดสถานประกอบการ เพราะยังไม่ใช่ข้อหาร้ายแรง
...
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส.กล่าวต่อว่า การศัลยกรรมดูดไขมันเป็นวิธีการลดสัดส่วนชั่วคราว หากกระทำโดยผู้ที่ขาดความชำนาญอาจเกิดอันตรายและมีผลข้างเคียงในการรักษาได้ เช่น หน้าท้องไม่สมส่วน บิดเบี้ยว ผิวหย่อนยาน เป็นคลื่น เพราะควบคุมจุดที่จะสลายไขมันไม่เท่ากัน และยังมีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาสะสมเหมือนเดิมได้ หากไม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และไม่ออกกำลังกายต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ประชาชนที่ต้องการลดสัดส่วนของร่างกายให้ใช้วิธีธรรมชาติ ก่อนพึ่งพาการศัลยกรรม เช่น การเล่นกีฬา ออกกำลังกายด้วยท่าบริหารเฉพาะส่วนและควบคุมอาหาร ลดอาหารที่มีไขมันสูง ของทอดต่างๆ และเพิ่มการรับประทานผักผลไม้ ในผักมีใยอาหารที่ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และช่วยลดการดูดซึมของไขมันคอเลสเทอรอลในเลือด จะเป็นการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน