"กรมธนารักษ์" เดินหน้าพัฒนาอาคารราชพัสดุทรงคุณค่า พร้อมเร่งรัดการเปิดประมูลโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลง "วังค้างคาว" หรือบ้านพระประเสริฐวานิช เขตคลองสาน อายุกว่า 70 ปี จำนวน 16 ไร่ เพื่อคัดเลือกผู้ประมูล ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจ และเป็นการอนุรักษ์อาคารที่ยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
เมื่อวันที่ 10 ก.พ.64 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมด้วย นางสาวสุภัทรา ส่องประทีป ผู้อำนวยการกองพัฒนาธุรกิจและศักยภาพที่ราชพัสดุ นายคณาวุฒิ สิติธีรพันธุ์ ผู้อำนวยการกองบริหารที่ราชพัสดุกรุงเทพมหานคร นายบุญชอบ วิเศษปรีชา ผู้อำนวยการกองพัฒนาและบำรุงรักษาอาคารราชพัสดุ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสภาพอาคารราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวานิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว ปลูกสร้างบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.2723 (บางส่วน) โฉนดเลขที่ 3249 แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ทั้งแปลง 0 - 3 - 29 ไร่ รวมถึงที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.0580 โฉนดเลขที่ 1001 แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ตามโฉนด 1 - 2 - 13 ไร่ เนื้อที่ตามสภาพครอบครอง 1 - 2 - 16 ไร่
...
นายยุทธนา กล่าวว่า กรมธนารักษ์ มีนโยบายในการนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ราชพัสดุที่มีลักษณะยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม หรือสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ มาจัดทำฐานข้อมูลเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหาย ตลอดจนเพื่อหาแนวทางในการอนุรักษ์และพัฒนาต่อไป
ทั้งนี้ อาคารราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวานิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว เป็นหนึ่งในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ราชพัสดุที่มีลักษณะยังทรงคุณค่าที่ควรแก่การอนุรักษ์ไว้ โดยอาคารดังกล่าวตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของพระประเสริฐวานิช (เจ้าสัวเขียว เหล่าประเสริฐ) จากหลักฐานตามโฉนดที่ดินเลขที่ 999 ออกเมื่อ 31 ธันวาคม ร.ศ.125 (พ.ศ.2495) ต่อมาบ้านและที่ดินตกเป็นของนายเว้น ผู้เป็นบุตรชาย และนายเว้นได้บริจาคให้กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2464 โดยในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2450 - 2460 ได้มีการให้บริษัทหลักสุงเฮง ของนายเฮียกวงเอี่ยม อดีตประธานหอการค้าไทย - จีน เช่าอาคารและพื้นที่เป็นสำนักงานและท่าเรือของบริษัทฯ ซึ่งดำเนินกิจการรับส่งสินค้าทางเรือ
จากนั้น ห้างฮั่วจั่วจั่น ได้มาขอเช่าต่อ โดยใช้พื้นที่ใต้ตึกเป็นที่เก็บสินค้า เมื่อเลิกเช่าแล้วตัวอาคารจึงถูกปิดร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์มาหลายสิบปี จึงทำให้มีค้างคาวเข้ามาทำรัง และอาศัยอยู่บริเวณใต้ตึกเป็นจำนวนมาก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีคนเรียกอาคารเก่าหลังนี้ว่า “วังค้างคาว” ลักษณะและรูปแบบของอาคาร เป็นกลุ่มอาคารเก๋งจีน 2 ชั้น 2 หลัง ตั้งขนานกันหันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา มีระเบียงเชื่อมถึงกัน ล้อมลานโล่งตรงกลางไว้ พื้นที่ตรงกลางด้านล่างอาคารเป็นลานโล่งขนาดใหญ่ และพื้นที่บริเวณใต้ถุนอาคารถูกแบ่งเป็นสัดส่วนทั้งสองฝั่ง เพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่เก็บสินค้า อาคารก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้อง หน้าจั่วปูนปั้น สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ปัจจุบัน กรมศิลปากร ได้ประกาศรายชื่อโบราณสถานในเขตกรุงเทพมหานคร ให้อาคารราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวานิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว เป็นโบราณสถาน ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม 135 ตอนพิเศษ 165 ง ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 แล้ว
...
นายยุทธนา กล่าวเพิ่มว่า เพื่อเป็นการอนุรักษ์อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ราชพัสดุที่มีลักษณะยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม หรือสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ และเพื่อพัฒนาที่ราชพัสดุให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ กรมธนารักษ์จึงมีนโยบายที่จะเปิดประมูลสิทธิ์การเช่าอาคารราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวานิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว ปลูกสร้างบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.2723 (บางส่วน) โฉนดเลขที่ 3249 (เดิม 999) และประมูลพัฒนาที่ราชพัสดุเพื่อปลูกสร้างอาคารยกกรรมสิทธิ์ให้กระทรวงการคลัง บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 0580 โฉนดเลขที่ 1001 แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ราชพัสดุ เพื่อจัดทำผังประมูล และอยู่ระหว่างการประสานกรมศิลปากรเพื่อกำหนดรูปแบบในการพัฒนา โดยคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในเดือนเมษายน 2564
สุดท้ายนี้ นายยุทธนา ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเดินหน้าโครงการพัฒนาอาคารราชพัสดุทรงคุณค่าให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งแต่ละโครงการก็มีความคืบหน้าไปเป็นอย่างมาก เช่น อาคารราชพัสดุแปลงบ้านพระประเสริฐวานิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ที่อยู่ระหว่างการรังวัดตรวจสอบแนวเขตและหารือกับกรมศิลปากร เกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนา อาคารบ้านพายัพ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ที่เปิดประมูลแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาผลการคัดเลือกผู้ประมูล โดยกรมธนารักษ์จะได้รับค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าขั้นต่ำ เป็นเงิน 1,745,460 บาท ค่าเช่าในอัตราเดือนละ 57,273 บาท หรือปีละ 687,276 บาท รวมระยะเวลา 5 ปี เป็นเงิน 3,436,380 บาท และอาคารบ้านขุนพิทักษ์บริหาร (บ้านเขียว) อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ระหว่างกรมศิลปากรกำหนดรูปแบบในการประมูลพัฒนา เป็นต้น โดยโครงการดังกล่าวนอกจากจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งเสริมการอนุรักษ์อาคารที่ยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม หรือสถาปัตยกรรมให้คงอยู่สืบไปด้วย.
...