โควิดกลับมาสร้างความตระหนกให้กับคนไทยอีกครั้ง เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1-2 วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีแรงงานต่างด้าวมาทำงานเป็นจำนวนมาก ทำให้สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก หากประเทศไทยควบคุมการระบาดไม่อยู่จะเป็นอย่างไร? ขอให้ทุกคนการ์ดอย่าตก ป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัยจะดีที่สุด
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า ที่ผ่านมาเคยเตือนจะมีการระบาดรอบ 2 ตั้งแต่เดือน ก.ย.ในช่วงมีการติดเชื้อ "โควิด" ในเรือนจำ และสถานการณ์ขณะนี้ชัดเจนว่าไทยกำลังประสบปัญหากับการระบาดของโควิดรอบ 2 โดยประมาณ 75% ของประเทศทั่วโลก หากมีการระบาดอีก จะไม่สามารถคุมได้อยู่จะระบาดยาวนาน 3 เดือน ยอดผู้ติดเชื้อสูงสุดต่อวันมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า และในกรณีของไทย น่าจะมีการระบาดรอบ 2 ในช่วงกลางเดือน พ.ย.เป็นต้นไป กระทั่งเพิ่งมาพบผู้ติดเชื้อกลางเดือน ธ.ค. เพราะเราปล่อยให้มีการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะขยายวงรุนแรงมีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันละ 940 คน หรือเกือบ 1 พันคน
ส่วนกรณีการระบาดใน จ.สมุทรสาคร ต้องให้กระทรวงสาธารณสุข ทำการสอบสวนโรคจนครบ จะฟันธงว่าต้นตอมาจากที่ใดในขณะนี้ไม่ได้ เพราะอาจมาจากพื้นที่ที่แรงงานต่างด้าวอยู่อาศัย หรืออาจมาจากคนไทยที่ติดเชื้อโควิดอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้มีความเป็นห่วงมากสุด เพราะจากบทเรียนของต่างประเทศที่ระบาดซ้ำ พบว่าส่วนใหญ่ 90% มีการระบาดรุนแรง หรือติดเชื้อมากกว่าเดิม 5 เท่า จากการระบาดรอบแรก
ที่ผ่านมาไทยสู้แทบตาย เกรงว่าโอกาสจะเอาอยู่รอบ 2 คงยาก อาจทำให้สะบักสะบอม เพราะไม่มีทางเลี่ยง โดยเชื้อโควิดได้แพร่ระบาดเป็นดาวกระจายไปยังกรุงเทพฯ อยุธยา และพื้นที่จังหวัดอื่น ไม่ใช่เฉพาะ จ.สมุทรสาคร เท่านั้น และจะเกิดการลักลอบออกนอกจังหวัดอย่างแน่นอน นำไปสู่ความเสี่ยงติดเชื้อแบบดาวกระจายในอีก 2 สัปดาห์ต่อจากนี้
...
สำหรับสิ่งที่ทำได้ คือ ประชาชนต้องใส่หน้ากากอนามัย 100% เพื่อป้องกันตัวเอง เนื่องจากการระบาดรอบ 2 จะมีการแพร่ระบาดรวดเร็วและรุนแรง จะทำให้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องป้องกันตัวเองและคนในครอบครัว หากป่วยแล้วแม้มียา ก็ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่ารักษาหาย เพราะช่วยได้เพียง 70% ซึ่งในอีก 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า ไทยจะมีปัญหา "ใบไม้ร่วง" เหมือนต่างประเทศ ต้องอย่าการ์ดตก และรัฐต้องทำการตรวจคัดกรองให้มากที่สุด เพราะขณะนี้โควิดกระจายไปทั่ว ไม่รู้ใครติดเชื้อ และไม่ต้องรนหาเรื่องในการเปิดประเทศ เพราะทั่วโลกยังมีการระบาดหนัก และวัคซีนเพิ่งเข้ามา
“ควรประคับประคอง อย่าให้ระบาดซ้ำ อย่าเปิดประเทศให้แย่ลง เรามีเวลาอีก 1 เดือน หากคุมไม่ได้จะกลับสู่วังวนเหมือนประเทศอื่น ถ้าคุมอยู่ อาจสะบักสะบอมน้อยหน่อย แต่ถ้าคุมไม่ได้คงแย่ และไม่เห็นด้วยที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน บอกว่าครั้งนี้เป็นการระบาดใหม่ แต่ควรออกมายอมรับว่าเป็นการระบาดซ้ำ และที่ผ่านมาคนที่อยู่หน้างานไม่พูดความจริง จนคนประมาท เพราะรัฐมั่วแต่จับจด มีการสื่อสารทำให้คนเข้าใจผิด และสุดท้ายก็เงียบหายไป อย่างเคสติดโควิดในเรือนจำ หาต้นตอไม่ได้ กลายเป็นว่าเงียบหายไป หาสาเหตุไม่ได้ ทำให้คนการ์ดตก ถ้าสะบักสะบอมก็โทษใครไม่ได้ ก็คงโทษระบบกลไก ไม่ได้สร้างความตระหนัก คงต้องช่วยกันกระตุ้นเตือนประชาชนให้รู้จักป้องกันตนเอง”
ในกรณีอาหารทะเลที่มาจาก จ.สมุทรสาคร ซึ่งพบผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนมาก แม้ยังไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์พิสูจน์ว่าคนติดเชื้อจากการกินอาหาร แต่มีการพิสูจน์ว่าพบเชื้อโควิดในอาหารแช่เย็น หรือแช่แข็ง ซึ่งเชื้อมีอายุ 14-20 วัน จึงมีความเสี่ยงหากพื้นที่เสี่ยงมีการแช่แข็งวัตถุดิบต่างๆ จึงมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโควิด แต่สามารถป้องกันได้โดยคนขายต้องใส่อุปกรณ์ป้องกัน ไม่ล้วงแคะแกะเกาบริเวณใบหน้า และคนมาซื้อต้องล้างมือ ต้องระมัดระวังไม่ควรรับประทานดิบ เพราะต้องยอมรับว่าอาหารได้กระจายไปทั่วจึงมีความเสี่ยง คงเกิดผลกระทบอย่างแน่นอน ซึ่งต้องยอมรับความจริงและปรับธุรกิจแนวใหม่
...
อย่างไรก็ตาม เชื้อโควิดที่กำลังแพร่ระบาดในไทย เป็นสายพันธุ์ G ที่มาจากอินเดียเข้ามาเมียนมา คงฟันธงไม่ได้ว่าเชื้อรุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่พบในประเทศจีนหรือไม่ แต่คงไม่ต่างจากสายพันธุ์เดิม โดยการแพร่เชื้อจะรวดเร็วกว่าเดิม ติดง่ายขึ้น ยังมีความรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตเช่นเดิม
ขณะที่วาทกรรมเรื่องกินอาหารทะเลได้ตามปกตินั้น จึงไม่ถูกต้อง เป็นมายาคติจากนักการเมืองที่เชื่อไม่ได้ว่าจะรับมือกับการระบาดซ้ำได้ จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงไปยังพื้นที่เสี่ยง และงดฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ หากฝืนจะแพ้ต่อโควิด เพราะแม้แต่พื้นที่ที่เคยติดเชื้อโควิด ก็ควรระมัดระวัง อย่างกรณีของคนอยุธยาติดเชื้อมาจากจ.เชียงใหม่ สรุปแล้วขณะนี้มีการติดเชื้อในประเทศแน่นอน ขอให้รักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวเองเสมอ ด้วยการให้ใส่หน้ากาก 100% เวลาออกนอกบ้าน.