ซูเปอร์โพล เผยคนส่วนใหญ่รู้สึกแย่ เจ้าหน้าที่รัฐใส่เกียร์ว่าง ซัดระบบใต้โต๊ะ นำต่างด้าวเข้าไทยผิดกฎหมาย ต้นเหตุโควิดรอบใหม่ จี้ผู้ใหญ่บ้านเมืองกวาดให้เรียบ พวกรับผลประโยชน์
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ลุงตู่จบ คนโกงรอด” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,113 ตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.2 รับรู้ข่าวที่ไม่ดีมาก ต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ร้อยละ 38.8 รับรู้ข่าวดีมากต่อนายกรัฐมนตรี โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.8 รู้สึกแย่ ที่ติดต่อราชการกับเจ้าหน้าที่รัฐ ของส่วนราชการต่างๆ เพราะเกียร์ว่าง ปล่อยปละละเลยปัญหา ร้องเรียนไปก็เท่านั้น ไม่จริงจังช่วยเหลือราษฎร เก็บเกี่ยวผลประโยชน์
ในขณะที่ ร้อยละ 96.1 ระบุระบบเงินใต้โต๊ะ ฟอกตัวแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้นเหตุ "โควิดรอบใหม่" นอกจากนี้ ร้อยละ 95.5 ระบุต้นตอปัญหาวิกฤติชาติ ที่จริงอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐและส่วนราชการปล่อยปละละเลยหน้าที่ ร้อยละ 93.8 ระบุมีการเรียกรับผลประโยชน์ เงินใต้โต๊ะ อยู่ทั่วไป และร้อยละ 91.2 ระบุ มีการซื้อขายตำแหน่งกันจริง เช่น 400 ล้านบาท กับตำแหน่งระดับสูงของกระทรวง เป็นต้น
...
ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 98.8 ต้องการให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองระดับสูงสุดถึงระดับสูงจัดการกวาดให้เรียบ ข้าราชการใส่เกียร์ว่าง ปล่อยปละละเลย เรียกรับผลประโยชน์ เงินใต้โต๊ะ ซื้อขายตำแหน่ง ในขณะที่ ร้อยละ 97.4 ต้องการให้มีการชำระระบบราชการ ปฏิรูปการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนราชการต่างๆ ล่าช้า แก้ปัญหาเดือดร้อนของราษฎร เรียกรับผลประโยชน์ก่อนเร่งช่วยเหลือราษฎร และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.9 สนับสนุนการรวมตัวของกลุ่มราษฎร คนรุ่นใหม่ นักรบคีย์บอร์ดทั้งหลายจัดการ เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ เกียร์ว่าง เรียกรับผลประโยชน์ ซื้อขายตำแหน่ง ไม่กระตือรือร้นช่วยราษฎร
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมาลุงตู่ หรือนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะด้วยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว กลายเป็นจุดรับห่ากระสุนหรือขีปนาวุธของอารมณ์ผู้คนในสังคมไปลงที่ตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่หลายๆ ปัญหาเป็นเรื่องที่มีต้นตอวิกฤติเกิดจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ เกิดจากการปล่อยปละละเลย เกิดจากระบบเงินใต้โต๊ะของเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการในหลายส่วนราชการที่ไม่ทำหน้าที่อย่างเข้มงวดจนกลุ่มราษฎรเดือดร้อนทุกข์ยากไปทั่วทั้งประเทศ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการจำนวนไม่น้อย กลับกลายเป็นคนที่หลบอยู่ในที่ๆ ปลอดภัย ไม่ได้ยื่นอก ไม่ได้ยื่นตัว ออกมารองรับอารมณ์ของสังคมเหมือนกับนายกรัฐมนตรี และยิ่งไปกว่านั้น ระบบเงินใต้โต๊ะ การซื้อขายตำแหน่ง ยังมีอยู่ไปทั่วในการรับรู้ของกลุ่มราษฎร จึงจำเป็นต้องใช้ยุทธการ “กวาดให้เรียบ” เช่นกัน เพื่อนายกรัฐมนตรีจะไม่ต้องมาเจ็บอยู่คนเดียว เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการจะหลบอยู่ในที่ๆ พวกเขาเป็นสุข ปลอดภัยต่อไปไม่ได้ ต้องออกมาร่วมทุกข์ปลดแอกให้กลุ่มราษฎรร่วมกัน และผลที่ตามมาคือนายกรัฐมนตรีจะได้เข้าสู่โหมด “เดือนข้างขึ้น” ฉายแสงสว่างนวลๆ ให้ประชาชนทั้งประเทศอุ่นใจ ได้เห็นเส้นทางชีวิตที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างมีความสุขในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้
“น่าจะเป็นการออกแบบยุทธศาสตร์ทางออกที่ดีได้ทางหนึ่งคือ ก่อนจบเกมสงครามอารมณ์ของคนไทย นายกรัฐมนตรีควรกวาดให้เรียบขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกียร์ว่าง ปรับปรุงให้เกิดความกระตือรือร้น ทำหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต จะได้เปลี่ยนจากการรับรู้ของกลุ่มราษฎรเป็นความทรงจำของคนรุ่นต่อรุ่นได้สรรเสริญต่อๆ กันไป”.