ศาลอาญาตัดสินกรณีฟ้องนักเลงคีย์บอร์ดเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ กล่าวหา “ไทยรัฐ” ล็อกผลจับรางวัลทายผลแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 จนได้รับความเสียหาย สอบคำให้การผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท รับสารภาพลดโทษจำคุกเหลือ 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน รอลงอาญา 2 ปี
คดีไทยรัฐถูกกล่าวหาล็อกผลจับสลากทายผลแชมป์บอลโลก 2018 เปิดเผยขึ้นที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ศาลมีคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา เป็นโจทก์ฟ้องนายสุธี ชัยสกุลสุรินทร์ เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีนักเลงคีย์บอร์ดแชร์คลิปเท็จ การจับรางวัลทายผลฟุตบอลโลกปี 2018 ทำนองว่า ทูตฝรั่งเศสล้วงเอาสลากออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท เป็นการจับรางวัลที่มีการโกงกัน ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อมาไทยรัฐแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน แล้วมีการจับกุมผู้ทำคลิป ผู้แชร์ ผู้ทำความคิดเห็นส่งต่อกันหลายราย ล่าสุดศาลมีคำพิพากษาแล้ว
คดีนี้อัยการยื่นฟ้องนายสุธีเป็นจำเลยต่อศาล เป็นคดีดำที่ 2204/63 ว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2561 บริษัทวัชรพลจำกัด เจ้าของกิจการ “ไทยรัฐ” ได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรมทายผลใครเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ในปีนั้นประเทศฝรั่งเศสเป็นแชมป์โลก ทางไทยรัฐจึงเชิญนายจิลส์กา ราชง เอกอัครราชทูตประเทศฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เป็นผู้จับรางวัลจากสลากทั้งหมด 128,308,755 ฉบับ ที่โกดัง 7 อาคารหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มีพยานเข้าร่วมสังเกตการณ์ อาทิ ดารานักแสดง มีการตั้งกล้องบันทึกภาพและเสียงไว้หลายมุม ถ่ายทอดสดผ่านช่องทางสื่ออินเตอร์เน็ตและอื่นๆ
ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. ไทยรัฐพบว่า มีการแชร์ข้อความอันเป็นเท็จในระบบอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ชื่อว่า “สุธี ชัยสกุลสุรินทร์” โพสต์ข้อความทำนองว่า ล้วงกระเป๋าเอาโพยออกมาในวินาทีที่ 26 อึ้งกัน ทายผลฟุตบอลไทยรัฐโกงกันแบบนี้พิจารณาเอาเอง และเผยแพร่ภาพในบางมุมกล้อง ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะการจับรางวัลดังกล่าวมีการบันทึกภาพหลายมุมกล้อง และมีพยานบุคคลจำนวนมาก แต่จำเลยเสนอภาพในบางมุมและไม่ต่อเนื่อง แล้วเสนอข้อความเท็จทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า มีการโกงทายผลฟุตบอลในช่องทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้ผู้ที่เป็นเพื่อนและไม่ได้เป็นเพื่อนอ่านข้อความ มีเจตนาใส่ความทางสื่อสาธารณะ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง คดีนี้จำเลยแถลงขอรับสารภาพในชั้นศาล
...
ศาลพิพากษาวันเดียวกันนี้ เป็นคดีแดงที่ 2777/63 ว่า จำเลยมีเจตนาใส่ความผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อบุคคลที่ 3 มีเจตนาให้ผู้อื่นทราบทางสื่อเฟซบุ๊ก เป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท จำเลย รับสารภาพลดโทษจำคุกเหลือ 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนเพื่อให้กลับตัวเป็นคนดี สมควรให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี หลังฟังคำพิพากษาจำเลยถือเงินสดไปจ่ายค่าปรับทันที ก่อนเดินหลบสายตากลับไปในที่สุด