ตามคาด “บิ๊กปั๊ด” ผบ.ตร. แถลงใหญ่ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตปริศนาของ “น้องชมพู่” บนภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร ยังไม่ได้จับใครดำเนินคดี ร่ายยาวการทำงานสืบสวนสอบสวนกว่า 4 เดือน แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานพอแจ้งข้อหาดำเนินคดีใคร ย้ำมีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว แต่พูดไม่ได้ ยันตำรวจยังสืบสวนคลี่คลายคดีต่อไป อายุความอีก 20 ปี ฝากถึงคนร้าย “ขอให้นอนเครียดต่อไป เรายังไม่เลิก” ด้าน “ลุงพล” ผิดหวังตามมาดูการแถลงข่าว แต่ไม่ได้ถาม ดีใจพบดีเอ็นเอจากหลักฐานบนภูเหล็กไฟบางส่วนเป็นของญาติฝ่ายหญิงเท่านั้น ส่วนแม่น้องชมพู่เผยไม่ผิดหวังการแถลงข่าวของตำรวจ เพราะเห็นยังหาพยานหลักฐานในพื้นที่อยู่ตลอด ไม่อยากกดดันตำรวจเพราะเห็นว่าทำงานดีแล้ว ถ้ามีข้อสงสัยประเด็นอะไรจะโทรศัพท์ไปถาม ได้รับการชี้แจงจนพอใจทุกครั้ง
ความคืบหน้าการสืบสวนคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ หรือน้องชมพู่ วงศ์ศรีชา อายุ 3 ขวบ ที่เสียชีวิตปริศนากลางป่าภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร ตำรวจระดมกำลังนักสืบจากทั่วประเทศเข้าคลี่คลายคดีกว่า 4 เดือน แต่ยังไม่สามารถดำเนินคดีใครได้ ความคืบหน้าจากสโมสรตำรวจ เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ต.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.พร้อมชุดทำงาน แถลงความคืบหน้าคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ระหว่างแถลงข่าวมีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น และกลุ่มผู้สนับสนุนร่วมฟังด้วย ตลอดเวลาการแถลงข่าว มีการแสดงคลิปสรุปผลการปฏิบัติงานของตำรวจกว่า 4 เดือน รวม 3 คลิป คลิปเเรกระบุเหตุผล 8 ข้อสนับสนุนให้เห็นว่า น้องชมพู่ไม่สามารถขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟด้วยตัวเอง เนื่องจากเส้นทางลาดชันกว่า 60 องศา อาหารเช้าที่กินมื้อสุดท้ายเป็นไข่เจียว 3 คำกับน้ำส้ม 1 ขวด ไม่เพียงพอให้พลังงานขึ้นไปบนภูเขา ศพน้องชมพู่อยู่ในสภาพเปลือย แต่พ่อเเม่ยืนยันว่า น้องไม่สามารถถอดเสื้อผ้าเองได้ พบเส้นผม 36 เส้นในที่เกิดเหตุสภาพถูกตัดหรือเฉือนด้วยมีด บางส่วนตรงกับน้องชมพู่ เกิดจากการกระทำของบุคคลอื่น ยืนยันได้ว่ามีบุคคลอื่นอยู่กับน้องในที่เกิดเหตุ
...
คลิปที่ 2 เป็นการยืนยันเวลาการเสียชีวิตของน้องชมพู่ จากผลการชันสูตรพลิกศพสภาพศพเน่าเปื่อย ความเห็นของนักกีฏวิทยา และจำลองการเน่าของเนื้อหมูเพื่อดูการเจริญเติบโตของหนอน ยืนยันว่าช่วงเวลาที่น้องเสียชีวิตอยู่ระหว่าง 14.30 น. วันที่ 12 พ.ค.ถึง 14.30 น. วันที่ 13 พ.ค. ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตแพทย์พบบาดแผลหลายจุดแต่ไม่มีบาดแผลใดทำให้เสียชีวิตได้ และไม่พบการล่วงละเมิดทางเพศ ดังนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้ แต่เป็นไปได้ว่าน้องชมพู่เสียชีวิตจากการขาดน้ำและอาหาร เพราะไม่พบเศษอาหารในกระเพาะและลำไส้เล็กส่วนบน รวมถึงอวัยวะภายในเน่าเปื่อยมากกว่าผิวหนังภายนอก เป็นอาการของผิวหนังขาดสารอาหาร ส่วนเส้นผมที่พบในที่เกิดเหตุไม่มีรากผม ทำให้ไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอแบบระบุคนได้ ทราบเพียงว่าเป็นดีเอ็นเอของบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับน้องชมพู่ฝ่ายหญิงเท่านั้น เช่น ยาย แม่ ป้า น้าและน้อง แต่ไม่ได้หมายความว่า เส้นผมที่พบจะเป็นของคนร้ายเสมอไป
คลิปสุดท้ายเป็นเรื่องพยานหลักฐาน คณะทำงานสอบปากคำพยานไปแล้ว 384 ปาก สอบปากคำเข้าสำนวนสอบสวน 120 ปาก สอบผู้เชี่ยวชาญ 13 ปาก เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอบุคคลต้องสงสัย 154 ตัวอย่าง เก็บวัตถุพยานหลักฐานทางคดี 113 ชิ้น การสืบสวนสอบสวนดำเนินการครบถ้วนทุกมิติแล้ว
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า จากข้อมูลทั้งหมดสรุปได้ว่า ต้องมีคนใกล้ชิดหรือบุคคลพยายามบังคับพาน้องชมพู่ขึ้นไปบนจุดเกิดเหตุจนน้องถึงแก่ความตาย จะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จะมีความผิด 3 ข้อหาคือ พรากเด็ก กักขังหน่วงเหนี่ยวจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และซ่อนเร้นเคลื่อนย้ายอำพรางทำลายศพ แต่ผู้กระทำความผิด ถึงขณะนี้เรายังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอออกหมายจับ หรือดำเนินคดีกับใครได้ แม้จะมีความพยายามรวบรวมพยานหลักฐานมาถึง 4 เดือนก็ตาม ถึงวันนี้มีเหตุผลความจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมบางส่วน ท่านอาจจะเคยถามว่า ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ ความคาดหวังเดิมยืนยันว่า การดำเนินการ 100 เปอร์เซ็นต์ เราดำเนินการครบแล้ว แต่วันนี้มีเหตุความจำเป็นที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม ดังนั้น การสืบสวนสอบสวนยังไม่ยุติ
“หากถามว่า จะยุติได้เมื่อไหร่ คดีนี้มีอายุความ 20 ปี แม้ว่าตามระเบียบตำรวจ ถ้าไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้ภายใน 1 ปี พนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ แต่ถ้ามีพยานหลักฐานที่เราสามารถดำเนินคดีกับใครได้ เรามีอายุความถึง 20 ปี ดังนั้นการดำเนินการด้านการสืบสวนจะยังคงทำไปเท่าที่เราจะแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ การมาแถลงวันนี้ไม่ใช่เป็นการเลิก ขอยืนยันว่า เราจะดำเนินการไปตามหลักกฎหมาย ดำเนินการไปตามมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม ในทางสากล แม้ว่าวันนี้ยังตอบคำถามพี่น้องประชาชนไม่ได้ว่าใครเป็นคนร้าย แต่อย่างน้อยขอยืนยันว่า เรายังไม่ละเลิกความพยายามที่จะทำงาน ภายใต้กฎกติกา” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า คดีนี้สรุปว่า เราเชื่อว่าน้องชมพู่ไม่ได้เดินขึ้นภูเขาไปเอง อาจถูกใครบางคน กระทำด้วยวิธีการใดๆ ไม่ว่าเป็นทางตรงหรือทางอ้อมทำให้เกิดการเสียชีวิต ดังนั้นต้องรับผิดชอบ ตามข้อหาที่เราตั้งไว้ สำหรับกรณีลุงพล ขอเรียนว่า เนื่องจากเราไม่มีพยานหลักฐานพอตั้งข้อหาใคร เพราะฉะนั้นไม่สามารถแถลงได้เลยว่า เราสงสัยใคร หรือเราไม่สงสัยใคร ส่วนที่ลุงพลตกเป็นจำเลยสังคม ใครเป็นคนเอาตำแหน่งนั้นให้ ต้องไปถามผู้มอบตำแหน่ง ตำรวจคงตอบไม่ได้ ส่วนน้องชมพู่ตายเมื่อไหร่ต้องถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นไปตามคลิปที่ 2 ถามว่า ตำรวจวางกรอบการทำงานอย่างไร ให้คิดเป็นพื้นฐานธรรมดาว่า ใครไปถึงตัวเด็กหรือทำให้เด็กออกจากที่ที่ควรจะอยู่ไปที่ที่เด็กไม่ควรจะไป ข้อแรกวันเวลาที่เด็กหาย คนที่กระทำควรอยู่ตรงนั้นถูกหรือไม่ ต้องดูว่าใครเข้าถึงตรงนั้นได้บ้าง สอบปากคำคนเป็นร้อยเราเห็นว่า เหลือคนที่เข้าถึงตรงนั้นได้กี่คน ข้อสองข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ฟังได้ไม่ได้ ให้พวกเราตัดสินใจ จากการพูดคุยกับญาติ พ่อ แม่ พี่สาว เขาบอกว่าปกติน้องชมพู่ไม่ยอมให้ใครอุ้ม ไม่ทราบว่าเชื่อถือได้หรือไม่ ตนตั้งประเด็นถามพี่น้องประชาชน ได้รับการยืนยันว่า น้องชมพู่ไม่ไปไหนกับใครที่แปลกหน้า ถ้าเราเชื่อเรื่องนี้ต้องดูว่าใครเข้าถึงตัวน้องได้โดยไม่ร้อง ไม่ต่อต้าน หรือถ้าไม่ใช่แบบนี้ก็ถูกบังคับ แนวทางคือ เป็นคนที่สนิท หรือคนที่ไม่รู้จักแต่ใช้วิธีบังคับ หรือทั้ง 2 อย่างผสมกัน คนที่สามารถทำเรื่องนี้ได้ เชื่อจากตรรกะว่า เขาต้องรู้จักภูเขานั้น เพราะตำแหน่งที่พบมันไม่ใช่ปกติที่คนทั่วไปจะไปเดินตรงนั้น
...
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องแรงจูงใจขอตอบตรงๆว่า เราไม่สามารถกำหนดได้เลยในวันแรกๆว่า คนทำเรื่องนี้ทำไปทำไม แรงขับแรงจูงใจทางเพศมีหรือไม่ หรือมีเหตุผลอื่นๆ เราไปหาว่ามันคืออะไร สิ่งที่เราต้องหาคือ การซักปากคำคนเกี่ยวข้องทั้งหมดว่ามีความขัดแย้งอะไรหรือไม่ หรือไม่ใช่เลย เพราะมีหลายคดีผู้กระทำไม่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย แต่อย่างน้อยต้องเข้าประเด็นที่เราสงสัย หรือองค์ประกอบที่เราตั้งไว้ เราทำจากใกล้ไปหาไกล ถามว่าตำรวจมีข้อสงสัยในใจหรือไม่ บอกได้เลยว่ามีเยอะ สงสัยใครเป็นพิเศษหรือไม่ บอกได้เลยว่ามี แต่พูดไม่ได้ การใช้เวลา 4 เดือนไม่ถือว่านาน คดีนี้ยากเพราะมีกระแสต่างๆถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ หรือถูกใครสร้างก็แล้วแต่ ไม่ได้สร้างความกดดันให้เจ้าหน้าที่ แต่ทำให้งานเรายากแต่เราไม่เลิก ตนไม่โทษสื่อเพราะถ้าสื่อเสนอแล้วไม่มีผู้เสพเขาจะไม่ทำ การทำงานเราต้องการให้ประชาชนเชื่อมั่น ต้องมั่นใจเมื่อจับใครแล้วต้องฟ้องศาลได้ มีโอกาสที่ศาลจะลงโทษ เราไม่ได้คิดแค่ว่ามีหลักฐานแค่พอจับ เพราะถ้าคิดแค่นั้นจับไปแล้ว ต้องดูถึงการต่อสู้ในชั้นศาล เพราะเชื่อว่าต้องมีกระแสอะไรเกิดขึ้นเต็มไปหมด ตนยังมีความหวังลึกๆว่าจะจับคนร้ายได้ ขอให้คนร้ายนอนเครียดต่อไป เรายังไม่เลิก
ด้านนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ที่เดินทางมาติดตามการแถลงข่าวด้วย เปิดใจหลังฟังแถลงข่าวว่า ไม่อยากกังวลใจอะไรมาก การแถลงของ ผบ.ตร.ไม่ได้เปิดโอกาสให้เราถามอะไรมาก แค่อยากถามสั้นๆว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอตรงกับผู้หญิงฝ่ายแม่เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับลุงอยู่แล้ว ผบ.ตร.บอกแล้วว่า ใครเป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด สบายใจเพราะดีเอ็นเอเป็นฝ่ายผู้หญิง เมื่อถามว่า ป้าแต๋นกังวลใจหรือไม่ เพราะเป็นดีเอ็นเอฝ่ายแม่ ป้าแต๋น กล่าวว่า ไม่ได้กังวลใจเลย ก่อนที่ลุงพลจะตัดบทและตอบแทนว่า วันที่ 14 พ.ค.ที่พบศพ เครือญาติไม่มีใครขึ้นเขาเหล็กไฟเลย แต่วันที่ 18 พ.ค.มีคนขึ้นไปที่เกิดเหตุเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่มีการกั้นที่เกิดเหตุ
...
ที่ จ.มุกดาหาร เช้าวันเดียวกัน นายอนามัย วงศ์ศรีชา อายุ 38 ปี และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา อายุ 39 ปี พ่อแม่น้องชมพู่ เดินทางออกจากบ้านเลขที่ 73 หมู่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ไปวัดถ้ำภูผาแอก ทำบุญใหญ่เนื่องในวันออกพรรษาพร้อมชาวบ้านกกกอก หลังทำบุญเสร็จ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้น้องชมพู่ ก่อนรับประทานอาหาร หลังจากนั้นนำอาหารที่มีข้าวเหนียว ไข่เจียว นมเปรี้ยวของชอบน้องชมพู่ รวมถึงลิปสติกอุปกรณ์แต่งหน้า เพราะน้องชมพู่เป็นเด็กที่ชอบเอาอุปกรณ์แต่งหน้ามาเล่น ไปวางไว้หน้าสถูปน้องชมพู่ นางสาวิตรีเผยถึงกรณีการแถลงข่าวความคืบหน้าทางคดีของตำรวจว่า ดีใจ แล้วคาดหวังเป็นอย่างมากในการแถลงของตำรวจว่า จะมีหลักฐานเชื่อมโยงไปหาคนร้ายตัวจริงได้ หรือไม่การแถลงครั้งนี้จะทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น หลังจากที่ผ่านมาถูกสังคมบีบคั้นมาตลอด ที่ผ่านมาตั้งความหวังไว้ตลอดว่า จะสามารถจับคนร้ายตัวจริงได้ แต่ในทางกลับกันพอตั้งความหวังไว้สูง แล้วไม่ได้ออกมาเหมือนที่คิด มันก็เสียใจ ถ้าตำรวจแถลงว่าพักคดีไว้ก่อน แม่ยอมรับว่าผิดหวัง
หลังจากเดินทางกลับมาบ้าน ฟังการแถลงข่าวของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เรียบร้อยแล้ว นางสาวิตรีเผยว่า พอใจการแถลงข่าว ดีใจที่ได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด และเรื่องอายุความ 20 ปีท่านไม่ทิ้งคดีส่วนที่มองว่าผิดหวังหรือไม่ ที่การแถลงข่าวไม่สามารถระบุบุคคลต้องสงสัยได้อย่างชัดเจน นางสาวิตรีกล่าวว่า จะเรียกว่าผิดหวังไม่ได้ ไม่อยากกดดันการทำงานตำรวจ เพราะวนเวียนทำงานทุกวัน ถามว่า ถ้ามีโอกาสอยากจะถามอะไร นางสาวิตรีกล่าวว่า ไม่อยากถาม เพราะบางครั้งเกิดสงสัยอะไรจะโทร.หาตำรวจที่คุยได้ และได้รับคำตอบทุกครั้ง ไม่มีประเด็นสงสัยและคาใจ หลังแถลงข่าวไม่คาใจ ส่วนที่ตำรวจระบุว่า ช่วงเวลาที่น้องหายไป 09.11-09.49 น.กับช่วงเวลาเสียชีวิต ทำให้บุคคลต้องสงสัยในใจเปลี่ยนไปมั้ย อันนี้ไม่ตอบ ปล่อยให้ตำรวจทำงานไป ไม่อยากก้าวก่ายการทำงานของตำรวจ
...