“วิชา มหาคุณ” หอบรายงานการตรวจสอบ คดี “บอส อยู่วิทยา” 100 หน้า ส่งถึงมือ “บิ๊กตู่” ยันข้อสรุปชัดเจน ไม่มีกั๊ก อ่านดูก็รู้ว่าใครผิด มีทั้งชื่อ ตำแหน่ง และหน่วยงานทั้งหมด ต้องนำข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อ เตรียมแจกเอกสารการตรวจสอบให้สื่อมวลชนเผยแพร่ด้วย “บิ๊กตู่” ยอมรับ คดีบอสพบความหละหลวม คณะกรรมการฯ ชุดนายวิชามารายงาน 5 ประเด็น พบพิรุธเป็นมหากาพย์ ส่วนตัวเชื่อว่ายังสามารถดำเนินคดีได้ ด้านตำรวจ สน.ทองหล่อ หอบสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมกรณีความเร็วรถ และสำนวนแจ้งข้อหาเพิ่มคดีเสพยาเสพติดส่งอัยการแล้ว อัยการขอเวลาพิจารณาสำนวน ยันเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด หลังจากนี้ทั้งอัยการและตำรวจจะร่วมกันทำคดีอย่างดีที่สุด มีคำตอบภายในเดือนหน้า
กรณีสำนักข่าวต่างประเทศตีแผ่ข่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี กรณีขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ชนรถ จยย. ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.2555 แล้วหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศจนถูกออกหมายจับ รวมทั้งออกหมายแดงตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) หลังการสั่งคดียืดเยื้อมากว่า 7 ปี ความผิดบางข้อหาหมดอายุความไปแล้ว เหลือแต่คดีหลักขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อมาอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องโดยตำรวจไม่มีความเห็นแย้งอย่างเงียบๆ ทำให้นายวรยุทธกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ หลังความแตกสร้างกระแสความไม่พอใจให้คนในสังคมอย่างรุนแรง จนหน่วยงานอัยการตำรวจ รวมไปถึงรัฐบาล ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคดีที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขคดีที่เกิดขึ้น ต่อมาคณะทำงานของตำรวจและอัยการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว เหลือผลการตรวจสอบของคณะทำงานที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานเท่านั้น
...
ความคืบหน้าจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 ส.ค. นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน นำรายงานฉบับสมบูรณ์การค้นหาความจริงกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 มารายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. นายวิชาออกมาเปิดเผยว่า รายงานที่ส่งให้นายกฯมีเนื้อหาประมาณ 100 หน้า แต่ข้อสรุปจริงๆมีประมาณ 10 หน้า เป็นรายละเอียดเขียนไว้ชัดเจนว่า เกิดความบกพร่องที่ใคร หน่วยงานไหน โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ร่วมรับฟังด้วย นายกฯรับฟังพร้อมจดบันทึกด้วยตัวเอง บอกชัดเจนว่า วันที่ 1 ก.ย.จะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะมีหลายเรื่องเป็นข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ เกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายหลายหน่วยงานต้องนำไปปฏิบัติ
“วันที่ 1 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์จะแถลงเรื่องดังกล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ในเอกสารข้อสรุปที่นายกฯจะเปิดเผย อ่านดูก็รู้ว่าใครผิด รายละเอียดจะอยู่ในนั้นทั้งหมด ขอให้ติดตามอ่านพรุ่งนี้ ในนั้นจะรู้หมดเลย เขียนชัดเจน ไม่มีกั๊ก มีทั้งชื่อ ทั้งตำแหน่ง ทั้งหน่วยงานอยู่ในนั้นทั้งหมด และจะแจกข้อมูลสำคัญที่เป็นเอกสารให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ เพราะถือว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการฯเป็นการตรวจสอบโดยโปร่งใส ไม่มีลับลมคมใน นายกฯต้องการนำเรื่องนี้ไปสู่การแก้ไข โดยเฉพาะข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯที่จะต้องนำไปทำอย่างจริงจัง เมื่อนายกฯแถลงแล้ว ต่อจากนั้นผมจะเปิดการแถลงข่าวต่อที่ตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล” นายวิชากล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เปิดเผยว่าเรื่องนี้มีคนผิดทั้งวินัย อาญา และจริยธรรม นำไปสู่การดำเนินการถึงขั้นเอาผิดได้หรือไม่ นายวิชาตอบว่า ในรายงานมีรายละเอียดทั้งหมด นายกฯตั้งใจอยู่แล้วว่าต้องส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป ขอให้รอฟังนายกฯแถลง และพรุ่งนี้ (1 ก.ย.) ตนจะแถลง รายละเอียดต่อทันที
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. นำหลักฐานมายืนยันว่า อยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ช่วงที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น อ้างว่า พล.ต.อ.สมยศแนะนำให้รู้จักนักวิชาการ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถนายวรยุทธ นายวิชาตอบว่า “เอาเถอะ เราชัดเจนแล้ว ไปอ่านในสำนวนจะรู้เลย อยู่ในรายงานไม่มีแทงกั๊ก ในส่วนคณะกรรมการฯมีความชัดเจน อ่านในรายงานดูจะรู้เลยว่า ไม่มีแทงกั๊ก ทำอะไรเราต้องโปร่งใส เปิดเผย ตรวจสอบได้ ไม่มีคลุมเครือ” หลังจากนี้คณะกรรมการฯยังปฏิบัติหน้าที่ต่ออีก 30 วัน นำไปสู่แนวทางการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ที่กระทรวงกลาโหม (กห.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า คดีนี้มีความคืบหน้ามาตลอด ตนพูดคุยกับนายวิชาที่เข้ามาชี้แจง 5 ประเด็น วันนี้มีปัญหาในข้อกฎหมายมาก ทั้งเรื่องสำนวนและการเรียกพยานมาสอบปากคำ ที่จริงควรจบไปตั้งนานแล้ว ทั้งนี้ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่อไป ให้เกิดความชัดเจน เพราะท้ายที่สุดแล้วต้องไปดูในเรื่องของกฎหมาย ระเบียบ และการร้องให้ทำคดีใหม่ ส่วนตัวคิดว่ายังสามารถที่จะดำเนินคดีได้ เมื่อถามว่า นายวิชาย้ำว่า พบพิรุธในคดีจนกลายเป็นมหากาพย์ นายกฯกล่าวว่า ถ้าจะพูดอย่างนั้น ก็พูดได้ ก็คงใช่ ถ้าไปโยงกันอย่างนั้น ถ้ามองในภาพใหญ่คำว่ามหากาพย์คงไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องไปดูเรื่องกฎหมายและระเบียบการ วันนี้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานอนุกรรมการชุดพิจารณาข้อกฎหมายคดีนี้ก็มาด้วย มารายงานขั้นตอนในคดีความและการร้องเรียน
“มันมีอะไรที่หละหลวมอยู่พอสมควร เมื่อได้ ความจริงมาแล้ว จะต้องสั่งคณะกรรมการฯทำงานในส่วนนี้ทั้ง 5 ประเด็นเพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้เสียกฎหมาย เพราะอย่าลืมว่า คดีนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายแสนคดีที่เขาไม่มีปัญหาอะไร ก็ต้องเยอะแยะไม่ใช่ระบบเราล้มเหลวทั้งหมด ผมว่าบกพร่องด้วยคนนั่นแหละ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
...
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เวลา 16.15 น. พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ นำแฟ้มเอกสารสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมประเด็นความเร็วรถ และแจ้งข้อหาเพิ่มฐานเสพยาเสพติด คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่น-ประเสริฐ อดีตตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 มามอบให้นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี สำนวน ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งที่ 1400/2563 แต่งตั้งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.
นายอิทธิพรกล่าวว่า หลังจากนี้ขออ่านสำนวนที่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ส่งมาว่าสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนตามที่มีคำสั่งไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสำนวนที่ส่งมาว่าสามารถมีความเห็นทางคดีหรือต้องสอบสวนเพิ่มอีกหรือไม่ คณะทำงานจะพิจารณาอย่างละเอียด ไม่มีกรอบระยะเวลา แต่คณะทำงานจะดำเนินการโดยเร็วและละเอียดรอบคอบ พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ขณะที่อัยการสูงสุดไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ให้คณะทำงานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตาม ป.วิอาญา
“ส่วนเรื่องฐานความผิด เนื่องจากยังไม่เปิด เอกสารดูก็จะเป็นความผิดเพิ่มเติม ตามที่สื่อมวลชนรายงานว่า ขอศาลออกหมายจับข้อหาใดบ้าง หากคณะทำงานพิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้องต้องแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาล ส่วนประเด็นผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ต้องไปดูกระบวนการว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ ต้องให้อัยการสำนักงานต่างประเทศดำเนินการ ให้ได้ตัวมาดำเนินคดี มีกระบวนการขั้นตอนอยู่ แต่ขณะที่ขั้นตอนยังไม่ไปถึงจุดนั้น ขอพิจารณาสำนวนเพิ่มเติมที่ได้มาก่อนว่าเป็นอย่างไร” นายอิทธิพรกล่าว ส่วนกรณีถ้าทนายความผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีก นายอิทธิพรตอบว่า เป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถทำได้
...
ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ที่ผ่านมาพนักงานอัยการให้โอกาสผู้ต้องหาตามสมควรแล้ว หากร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีก เราจะพิจารณาโดยเคร่งครัดว่า เป็นการประวิงคดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าประเด็นนี้จะไม่ทำให้สังคมมีความคลางแคลงใจอย่างแน่นอน พนักงานอัยการจะเร่งทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนนายชาญชัยกล่าวว่า เรื่องนี้เราจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุด จะมีคำตอบให้ประชาชนที่ติดตามคดีนี้อย่างแน่นอน เชื่อว่าหลังจากนี้ทั้งอัยการและตำรวจจะร่วมกันทำคดีอย่างดีที่สุด เชื่อว่าเราจะมีคำตอบให้ภายในเดือนหน้า