ผอ.รพ.บุรีรัมย์นำทีมตั้งโต๊ะแถลงนักฟุตบอลชาวเซอร์เบียติดเชื้อโควิด-19 จริง ถือเป็นรายที่ 14 ของจังหวัดส่วนเพื่อนร่วมคณะอีก 2 คน ตรวจไม่พบเชื้อ ย้ำขอให้มั่นใจมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้าน “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มั่นใจไม่กระทบแข่งไทยลีก ขณะที่ ศบค.ระบุวันเดียวกันยังพบชาวต่างชาติติดเชื้อด้วย เป็นวิศวกรฟินแลนด์ มาจากเดนมาร์ก แต่ไทยยังรักษาสถิติไม่ติดเชื้อในประเทศมา 68 วัน ขณะที่การแพร่ระบาดทั่วโลกยิ่งหนักขึ้น เวียดนาม ติดเชื้อตายเพิ่มรวมเป็น 3 ราย
แม้โลกใกล้ได้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แต่สถานการณ์ทั่วโลกกลับไม่ดีขึ้น ยอดรวมผู้ติดเชื้อไปลิ่วกว่า 17.7 ล้านคน และหลายประเทศที่เชื้อไวรัสมรณะกลับมาระบาดใหม่ ต้องงัดมาตรการคุมเข้มมาใช้อีกครั้ง
ไทยพบ 2 ต่างชาติติดเชื้อ
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทย ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า วันนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2 ราย เป็นชาวต่างชาติเดินทางมาจากเซอร์เบียและเดนมาร์ก เข้ารับการกักกันในสถานกักตัวของรัฐ (State Quarantine-SQ) และนับเป็นวันที่ 68 ที่ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ส่วนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,312 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และผู้ป่วยใน SQ จำนวน 375 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,135 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 119 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
...
รายแรกนักบอลเซอร์เบีย
ศบค.รายงานเพิ่มเติมถึงผู้ติดเชื้อใหม่ทั้ง 2 รายมาจากประเทศเซอร์เบีย 1 ราย เป็นชายอายุ 29 ปี ชาวเซอร์เบีย อาชีพนักฟุตบอล เดินทางด้วยเครื่องบินเหมาลำมาถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2563 ตรวจหาเชื้อวันแรกวันที่ 19 ก.ค.ผลไม่พบเชื้อ เข้าพักในสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative Local Quarantine ALQ) ใน จ.บุรีรัมย์ จากนั้น ตรวจเชื้อครั้งที่สอง วันที่ 27 ก.ค.หรือ 8 วันต่อมาผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ปัจจุบันเข้ารักษาตัวที่ รพ.บุรีรัมย์
รายที่ 2 วิศวกรฟินแลนด์
ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่สอง เป็นชายชาวฟินแลนด์ อายุ 41 ปี อาชีพวิศวกร เดินทางจากเดนมาร์กมาถึงไทยเมื่อวันที่ 27 ก.ค. เข้าพักในสถานกักตัวทางเลือก (ASQ) ใน กทม. เคยตรวจพบเชื้อที่ต่างประเทศแบบไม่มีอาการ เมื่อกลางเดือน พ.ค.ต่อมาวันที่ 24 ก.ค.ก่อนเดินทางมาประเทศไทย ตรวจหาเชื้อ ผลไม่พบเชื้อ แต่หลังจากนั้นอีก 3 วันคือวันที่ 30 ก.ค.มีการตรวจเชื้อครั้งที่ 1 ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ขณะนี้เข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม.และอยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม
ยืนยันผู้ติดเชื้อรายที่ 14 ของบุรีรัมย์
ต่อมาเวลา 18.30 น. นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผอ.รพ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นพ.พิเชษฐ พืดขุนทด ผอ.รพ.ละหานทราย นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกันแถลงข่าวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันรายใหม่ จ.บุรีรัมย์ รายที่ 14 โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เป็นเพศชาย สัญชาติเซอร์เบีย อายุ 29 ปี อาชีพนักฟุตบอล กักตัวในโรงแรม ซึ่งเป็นสถานกักตัวที่รัฐกำหนด โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวเดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ มีผู้โดยสาร 3 ราย เป็นนักฟุตบอล 2 ราย นักกายภาพบำบัด 1 ราย ได้รับการตรวจคัดกรองที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตามขั้นตอน ทุกรายไม่มีอาการผิดปกติและผลตรวจโควิด-19 (Day 0) ไม่พบสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนา 2019
ตรวจซ้ำรอบสองถึงพบติดเชื้อ
จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. เดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ มาถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์ มีการคัดกรองบริเวณทางลงท่าอากาศยานทันที มีการจัดระบบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่มีการใช้พื้นที่ภายในอาคารที่พักผู้โดยสาร มีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อและซีลกระเป๋าสัมภาระก่อนขนส่งและเข้าสถานกักกันตัวที่โรงแรม BRIC BOX ด้วยรถพยาบาล และตลอดเวลาที่อยู่ในสถานกักตัวมีการติดตามอาการทุกวัน ทั้ง 3 รายไม่มีไข้ และไม่มีอาการผิดปกติใดๆ กระทั่งในวันที่ 27, 28 ก.ค.63 (วันที่ 8 และ 9 ของการกักตัว) ส่งตรวจที่ รพ.บุรีรัมย์ ผลการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนา 2019 (SARS-COV2) พบว่าไม่ชัดเจน (Inconclusive) จำนวน 1 ราย จึงส่งตรวจยืนยันซ้ำที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 ในวันที่ 29 ก.ค.พบเชื้อ จึงได้แยกผู้ที่พบเชื้อจำนวน 1 รายนี้ ไปที่ห้องความดันลบ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อรักษา และจะตรวจหาเชื้อซ้ำในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ต่อไป
...
ขอชาวบุรีรัมย์มั่นใจปลอดภัย
คณะของ นพ.ภูวดลระบุด้วยว่า ในการแยกกักตัวครั้งนี้ได้ดำเนินการดูแลผู้กักตัวในสถานที่กักตัว ซึ่งทางราชการกำหนด โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยชุดปฏิบัติการ EOc จังหวัดบุรีรัมย์ตลอด 24 ชั่งโมงตามมาตรฐานที่กำหนด ทางจังหวัดยืนยันว่าประชาชนพี่น้องชาวจังหวัดบุรีรัมย์จะปลอดภัยอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ป่วยได้ถูกกักตัวตามมาตรฐานและไม่ได้เข้ามาซ้อมฟุตบอลกับทีมนักเตะแต่อย่างใด
“บิ๊กอ๊อด” ยันไม่กระทบแข่งไทยลีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักเตะชาวเซอร์เบียที่พบเชื้อโควิด-19 แม้จะไม่มีการระบุชื่อ แต่คาดว่าน่าจะเป็น มาร์โก เชโปวิช กองหน้า จากสโมสร เคย์เคอร์ ริเซสปอร์ ในลีกตุรกี ซึ่งมีข่าวว่าได้ย้ายมาร่วมทีมกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยถือเป็นนักฟุตบอลในไทยลีกคนแรก ที่ถูกตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ด้าน “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า จากแถลง ศบค.นักบอลรายนี้ติดเชื้อขณะอยู่ระหว่างกักตัวตามมาตรการภาครัฐ ไม่มีผลกระทบกับการแข่งขันไทยลีกที่จะกลับมาในวันที่ 12 ก.ย.เพราะไม่ได้อยู่ร่วมซ้อมเป็นทีม จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของนักเตะที่จะต้องเข้ารักษาตัวต่อไป แต่หากเป็นกรณีพบเชื้อและร่วมซ้อมกับทีม ตรงนี้เรื่องใหญ่แน่นอน
...
มท.ให้ ผวจ.คุมเข้มประกาศนายกฯ
วันเดียวกัน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ หลังนายกฯ ออกประกาศ 3 ฉบับ คือ 1.การขยายระยะเวลการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค. 2.ให้การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่า ครม.จะกำหนดเป็นอย่างอื่น 3.ให้บรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกฯจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ศูนย์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้ว ขอให้จังหวัดรับทราบและถือปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว โดยเคร่งครัด
จัด 3 เที่ยวบินลอนดอนมาไทย
ขณะที่นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนระบบการลงทะเบียนระบบใหม่ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนไทยในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ที่ประสงค์จะเดินทางกลับไทย โดยในเดือน ส.ค.นี้ จะมีเที่ยวบินสำหรับรับคนไทยกลับประเทศ จำนวน 3 เที่ยวบิน จากท่าอากาศยานฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ในวันที่ 9, 16 และ 23 ส.ค. และเริ่มเปิดรับลงทะเบียนคนไทยในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์แล้วตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป
ชุมนุมได้แต่ต้องคุมโรค
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกของวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 13 มีเนื้อหาสรุปว่า แม้สถานการณ์ของประเทศไทยในการควบคุมโควิดมีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ในต่างประเทศยังรุนแรงอยู่ และเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ รวมถึงการเปิดให้มีการเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ จึงจำเป็นเพื่อปกป้องความมั่นคงปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11 นายกฯจึงออกข้อกำหนดดังต่อไปนี้ การจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม ให้มีกิจกรรมรวมกลุ่มหรือการใช้สิทธิของประชาชนเพื่อการชุมนุมใดๆ ย่อมกระทำได้ภายใต้ขอบเขตการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดกิจกรรม จัดให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดด้วย
...
เปิด “สนามชนโค–ชนไก่–กัดปลา”
ข้อกำหนดระบุด้วยว่า การเปิดดำเนินการสถานที่และกิจกรรมต่างๆเพิ่มเติม ให้สถานที่กิจการและกิจกรรมที่เคยผ่อนคลายให้เปิดดำเนินการไว้แล้วคงดำเนินการต่อไปภายใต้เงื่อนไข เวลา รวมทั้งมาตรการป้องกันตามที่ทางราชการกำหนดไว้เดิมและให้สถานที่กิจการและกิจกรรมดังต่อไปนี้สามารถเปิดดำเนินการได้ตามความสมัครใจและความพร้อม ประกอบด้วย การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ที่เคยผ่อนคลายไว้แล้วให้สามารถดำเนินกิจกรรมได้ รวมถึงสถานที่ใช้เครื่องเล่นเป่าลม บ้านลม และให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการพิจารณาอนุญาตให้สนามชนโค สนามชนไก่ สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันที่ต้องอยู่ในเขตรับผิดชอบ สามารถเปิดดำเนินการและให้บริการได้ตามความเหมาะสมเมื่อมีความพร้อม โดยผู้ที่รับผิดชอบในกิจกรรมและสถานที่ดังกล่าวต้องจัดให้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ระเบียบต่างๆ รวมทั้งกฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบดำเนินการ หากพบการกระทำที่อาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค พนักงานเจ้าหน้าที่อาจให้ คำแนะนำ ตักเตือน ห้ามปราม และมีอำนาจกำหนดช่วงระยะเวลาเพื่อให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งเสนอให้ผู้มีอำนาจมีคำสั่งปิดสถานที่ไว้เป็นการชั่วคราวและดำเนินคดีต่อผู้ฝ่าฝืนด้วยก็ได้
คนไทยกลับเข้าประเทศต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตลอดวันที่ 1 ส.ค. มีกลุ่มคนไทยในต่างประเทศและชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 07.35 น. กลุ่มคนไทยที่ตกค้างในประเทศคาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน จำนวน 107 คน พร้อมด้วยนักธุรกิจชาวคาซัคสถาน อังกฤษ ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ ที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทยจำนวน 17 คน รวม 124 คน เดินทางเข้าไทยด้วยสายการบินซันเดย์-แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ VSV5074 ในจำนวนนี้พบคนไทยมีไข้ 5 คน จากนั้นเวลา 16.55 น. สายการบินเมียนมาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ UB2017 นำคนไทยในประเทศเมียนมา จำนวน 30 คน และนักธุรกิจชาวเมียนมา 1 คน เดินทางมาถึงต่อด้วยเวลา 21.45 น. สายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KE651 นำคนไทยในเกาหลีใต้ จำนวน 90 คน พร้อมด้วยนักธุรกิจชาวอังกฤษและอเมริกัน ที่มีถิ่นพำนักในไทย จำนวน 4 คน รวม 94 คน เดินทางมาถึง ส่วนที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา 20.57 น. มีนักธุรกิจไทย 4 คน เดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยเครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำ ซึ่งผู้โดยสารทุกเที่ยวบินเมื่อผ่านด่านคัดกรองโรค หากพบมีไข้ จะถูกส่งตัวไปยัง รพ.ใน จ.สมุทรปราการ ทันที ส่วนที่เหลือถูกส่งไปยังสถานกักตัวที่รัฐกำหนด ซึ่งเป็นโรงแรมต่างๆใน กทม. สมุทรปราการ และชลบุรี
ยอดดับ–ติดเชื้อทั่วโลก
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานยอดผู้ติดเชื้อเมื่อช่วงสายวันที่ 1 ส.ค. มีกว่า 17.7 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 682,000 ราย รักษาหายแล้วกว่า 11 ล้านราย สหรัฐอเมริกายังคงมีผู้ติดเชื้อรวมอยู่อันดับ 1 ของโลก โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง เพิ่มอีกกว่า 70,000 คน ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อพุ่งกว่า 4.7 ล้านคน เสียชีวิตเพิ่มอีกกว่า 1,400 คน รวมยอดผู้เสียชีวิตกว่า 156,000 คน ตามด้วยบราซิลพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกกว่า 52,000 คน ทำให้ยอดรวมติดเชื้อกว่า 2.6 ล้านคน เสียชีวิตเพิ่มอีกเกือบ 1,200 คน รวมเสียชีวิตสะสม 92,000 คน และที่อินเดียติดเชื้อเพิ่มอีกกว่า 57,000 คน รวมติดเชื้อเกือบ 1.7 ล้านคน เสียชีวิตเพิ่ม 765 คน ยอดเสียชีวิตรวม 36,000 ราย
มะกันทุ่มงบซื้อวัคซีน
ที่สหรัฐอเมริกา กระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงกลาโหม ร่วมกันประกาศว่ารัฐบาลเตรียมจ่ายเงิน 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 65,000 ล้านบาท ให้กับบริษัทซาโนฟี่ เอสเอ กับบริษัท แกล็กโซสมิธไคล์น พีแอลซี (จีเอสเค) สำหรับวัคซีนครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคน ก่อนหน้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลตกลงที่จะจ่ายเงินเกือบ 2,000 ล้านเหรียญ หรือกว่า 62,000 ล้านบาท ให้กับบริษัท ไฟเซอร์ อินซ์ กับบริษัทไบโอเอ็นเทค เอสอี ในการผลิตวัคซีนให้กับประชาชน 50 ล้านคน จากทั่วประเทศที่มีพลเมืองกว่า 331 ล้านคน ซึ่งทางซาโนฟี่กับจีเอสเคจะเริ่มทดลองวัคซีนในเดือน ก.ย.นี้ นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาในการจัดสรรวัคซีนมากสุด 300 ล้านโดสให้กับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศ และทางอียูยังมีการเจรจาอีกหลายบริษัท ทั้งไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จากงบประมาณฉุกเฉินรับมือ โควิด-19 ที่ตั้งไว้กว่า 2,000 ล้านยูโร หรือเกือบ 75,000 ล้านบาท
เด็กมะกันเข้าค่ายติดเชื้ออื้อ
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) เผยว่า พบเด็กอย่างน้อย 260 คน จากทั้งหมด 597 คน อายุตั้งแต่ 6-19 ปี ติดเชื้อโควิด-19 ที่ค่ายฤดูร้อนในรัฐจอร์เจียช่วงตั้งแต่วันที่ 17-20 มิ.ย. ซึ่งยอดติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นเพราะผลของการตรวจหาเชื้อออกมาเพียงร้อยละ 58 หลังการเข้าค่ายไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำของทางซีดีซีว่าต้องสวมหน้ากากผ้า รวมไปถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือทำความสะอาดบ่อยๆ จัดเด็กให้อยู่ในกลุ่มเล็กๆ ทำให้ยิ่งเพิ่มหลักฐานว่าเยาวชนเป็นได้ทั้งไวต่อการรับเชื้อและการแพร่เชื้อ
เวียดนามเซ่นไวรัสรายที่ 3
ที่เวียดนาม กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 1 คน เป็นผู้หญิง วัย 68 ปี ผู้ป่วยเป็นมะเร็งอยู่ก่อนแล้ว โดยเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเมืองดานัง ภาคตะวันออก เช่นเดียวกับผู้เสียชีวิต 2 รายก่อนนี้ ที่เป็นชายวัย 61 ปี ที่เกิดภาวะไตวายและช็อกจากการติดเชื้อ กับชายวัย 70 ปี ที่ป่วยเข้ารักษาโรคไต นอกจากนี้มีผู้ป่วยอาการหนักอีก 15 คน ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่พบเพิ่มอีก 12 คนและเชื่อมโยงการแพร่ระบาดที่เมืองดานังที่กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดระลอกใหม่ของเวียดนาม เพราะตลอดทั้งสัปดาห์มีผู้ติดเชื้อกว่า 100 คน รวมที่กรุงฮานอย ซึ่งพบ 2 ราย ติดเชื้อหลังเดินทางกลับจากเมืองดานัง และที่เมืองโฮจิมินห์ พบ 5 รายที่กลับจากเมืองดานังเช่นกัน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งประเทศเพิ่มเป็น 558 คน
โตเกียวจ่อใช้ ก.ม.ฉุกเฉินสู้ไวรัส
ขณะที่นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเผยแพร่คลิปวิดีโอลงสื่อสังคมออนไลน์เตือนผู้คนในกรุงโตเกียวปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคต่างๆ รวมทั้งล้างมือและสวมหน้ากากอนามัย หลังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่กรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 1 ส.ค. จำนวน 472 คน หรือมากเป็นสถิติติดต่อกันเป็นวันที่ 3 และระบุอาจต้องประกาศภาวะฉุกเฉินที่กรุงโตเกียว ถ้ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยทั่วประเทศพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,323 คน รวมเป็น 34,372 คน เสียชีวิตอีก 2 คน รวมเป็น 1,006 คน ขณะเดียวกันรัฐบาลยังขยายมาตรการระงับการเดินทางเข้าญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่เดินทางจาก 146 ประเทศ รวมไทยจนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ด้วย