ภาพประกอบจากแฟ้มข่าว
ผู้ช่วยผบ.ตร.ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและลดอุบัติเหตุช่วงวันหยุดวันสำคัญ ระหว่างวันที่ 25-28 ก.ค.ที่ประชาชนจะออกเดินทางไปต่างจังหวัดจำนวนมาก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 ก.ค.63 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผบ.ตร.ประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงวันหยุดวันสำคัญ ระหว่างวันที่ 25-28 ก.ค.และมีการขับเคลื่อนการบริหารงานจราจรในภาพรวมและถอดบทเรียนการอำนวยความสะดวกการจราจรในช่วงวันหยุดสำคัญทางพุทธศาสนา วันที่ 4-7 ก.ค.
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการด้านการจราจรในช่วงวันหยุดวันสำคัญระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีจุดเน้น ได้แก่ การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ตามเส้นทางหลัก เส้นทางรอง ในช่วงที่มีประชาชนออกเดินทางจำนวนมาก โดยจัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่อสารเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ซึ่งตำรวจทางหลวงเป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบอำนวยความสะดวกการจราจรในถนนสายหลัก และมีตำรวจพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติ โดยมีอำนวยศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอยู่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง หมายเลขสายด่วน 1193 หรือดาวน์โหลด line application @highway1193 และในพื้นที่ กทม.สอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขสายด่วน 1197 ไว้สำหรับสอบถามเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุ รับข้อมูลประชาสัมพันธ์เส้นทาง
...
ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดช่องหรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่องในถนนบางสาย ห้วงวันหยุดต่อเนื่อง พ.ศ.2563 ขาขึ้น 10 จุด ระหว่าง 24-26 ก.ค. และขาล่อง จำนวน 18 จุด ระหว่าง 27-29 ก.ค. ใช้เป็นช่องทางพิเศษ เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ถอดบทเรียนผลการปฏิบัติในช่วงวันหยุดสำคัญทางพุทธศาสนา วันที่ 4-7 ก.ค. ร่วมกับหน่วยงานร่วมปฏิบัติ โดยมุ่งเน้นการประสานคืนพื้นผิวจราจรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่ก่อให้เกิดปัญหารถติดขัดสะสม
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวเพิ่มว่า 2. บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) และ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2561 อย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง นำฐานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่ผ่านมากำหนดจุดเสี่ยง เพื่อกำหนดมาตรการในการตั้งจุดตรวจ เพื่อป้องกันกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ กวดขันการสวมหมวกนิรภัย และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วให้มากที่สุดในแต่ละพื้นที่ ไปกวดขันวินัยการจราจรบริเวณถนนสายรองที่เกิดอุบัติเหตุ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับการกวดขันจับกุมการจำหน่ายแอลกอฮอล์ในเวลาห้าม และสถานที่ห้ามจำหน่าย
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรณีเกิดอุบัติเหตุจราจร เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกฝ่าย และดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดกับผู้กระทำผิด กรณีเมาแล้วขับหรือแข่งรถในทางจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ความตาย หากผู้ขับขี่ในขณะเมาสุรา อายุต่ำกว่า 18 ปี จะขยายผลดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายสุรา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ และขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือบุคคลที่จำหน่ายหรือให้สุราแก่เด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ
ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีชุดสายตรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ทหาร ออกตรวจสถานีขนส่ง ท่ารถโดยสารสาธารณะ เพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยต้องมีการจัดระบบและระเบียบต่างๆ และลดความแออัดของผู้โดยสาร ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการดำเนินการและมาตรการต่างๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำมาบังคับใช้เพื่อประโยชน์สุขแก่สังคมโดยรวม ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวโดยสะดวกและปลอดภัยโดยทั่วกัน.