เผยจนท.ไม่หนักใจ แม้จะเจอคำปฏิเสธ ศาลมีมาตรการเข้ม พร้อมรับมือทุกครั้ง
ชุดสอบสวนกองปราบปราม เตรียมบุกเรือนจำบางขวาง สอบปากคำ “พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์” หลังถูก นำตัวมาขังเดี่ยวเพราะแผนแหกคุกแตกไม่กังวลว่าผู้ต้องหาให้การแบบไหนเพราะมีพยานหลักฐานครบ ทั้งเส้นทางการเงิน การสื่อสารและพยานบุคคล ส่วนอดีต ส.ส.นครสวรรค์ และทนายความคนประกันตัวสมุน พ.ต.ท.บรรยิน จะถูกออกหมาย เรียกมาสอบสวนโดยเร็วที่สุด “สราวุธ เบญจกุล” เลขาฯศาล ลั่นศาลพร้อมรับมือด้านความปลอดภัย วางกำลังทั้งตำรวจศาล ตำรวจนครบาลและกองปราบปราม นำหน่วยพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” ตามประกบผู้ต้องหาตั้งแต่ออกจากเรือนจำ พร้อมวางแผนดูแลผู้พิพากษาเพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นอิสระ เที่ยงธรรม ขณะที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ วางมาตรการ ไม่อนุญาตผู้อื่นเข้าห้องพิจารณาคดี ส่วนสื่อมวลชนจัดห้องถ่ายทอดผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้
กรณีชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าสืบสวนคลี่คลายคดีวางแผนแหกคุกของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร คดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคดี อำพรางเป็นอุบัติเหตุ และอุ้มฆ่าเผานั่งยางนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษา อาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ เบื้องต้นพบอดีตผู้ต้องขังในเรือนจำเดียวกันเกี่ยวข้อง 2 คน คือนายสุธน หรือโจ ทองศิริ อายุ 42 ปี ที่อ้างว่า พ.ต.ท.บรรยินลงทุนให้ทนายความมาประกันตัวออกจากเรือนจำไปดำเนินการตามแผน และนายณัฐพล หรือท๊อป นรการ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาอีกคนที่ได้ประกันตัวออกมาเป็นคนติดต่อประสานงานนอกคุกอีก 1 ทีม ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การชุดสืบสวนเป็น 2 แนวทางคือ วางแผนชิงตัวอุกอาจจากในคุก หรือระหว่างทางถูกคุมตัวไปขึ้นศาล และจับภรรยา ผบ.คุกเป็นตัวประกันต่อรองให้ปล่อยตัว พ.ต.ท.บรรยินจากเรือนจำ หลังแผนแตกกองปราบปรามอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
...
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เผยว่า วันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. จะเรียกชุดสืบสวนคลี่คลายคดี พ.ต.ท.บรรยิน วางแผนแหกคุก ประชุมคณะทำงานเพื่อสรุปประเด็นการแบ่งงานให้ทีมสืบสวนสืบหาและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี พร้อมกับหารือเกี่ยวกับการเตรียมออกหมายเรียกอดีต ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ คนสนิท พ.ต.ท.บรรยิน และทนายความที่ช่วยประกันตัวนายสุธน หรือโจ ทองศิริ มาให้ปากคำในฐานะพยาน เช่นเดียวกับพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำเร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้า เพราะคดีเป็นที่สนใจของประชาชน
มีรายงานข่าวว่า นอกจากการประชุมหาความคืบหน้าของชุดทำงานแล้ว พนักงานสอบสวนกองปราบปรามยังเตรียมไปสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยินถึงในเรือนจำ หากให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นกังวลหรือหนักใจ เพราะค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆที่มีอยู่ โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร และคำให้การของนายโจและนายณัฐพล หรือท๊อป นรการ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ที่ระบุแผนการชัดเจน อีกทั้งนายโจยังยอมรับด้วยว่า แผนการชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน จะเกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่คุมตัวนั่งรถไปบนทางด่วนมุ่งหน้าศาลจังหวัดพระโขนง ถ้าชิงตัวไม่สำเร็จถึงจะให้ลักพาตัวภรรยา ผบ.เรือนจำแทน
รายงานอีกว่า ในวันที่ 22 มิ.ย. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อท.69/2563 คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา หากศาลเบิกตัว พ.ต.ท.บรรยินออกมาจากเรือนจำ กองปราบปรามจะส่งทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” ไปประกบคุมเข้มผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดมีเหตุร้ายแรงไม่คาดคิด เพื่อความไม่ประมาท
ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยของศาล นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า เตรียมส่วนแรกเจ้าพนักงานตำรวจศาล และ ส่วนที่ 2 ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอส่งกำลังมาดูแลความปลอดภัย ป้องกันเหตุร้าย หรือชิงตัวจำเลย การส่งเจ้าหน้าที่มาหลายหน่วย ทั้งจาก บช.น. และกองปราบฯ รวมถึงหน่วยพิเศษอื่น ถือเป็น แผนการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด และจะมาดูแล ทุกนัดที่ พ.ต.ท.บรรยินมาขึ้นศาล เราดำเนินการไป ทั้งหมด แผนรักษาความปลอดภัยต้องเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ผู้ประสงค์ก่อเหตุทราบยุทธวิธี มีการประเมิน สถานการณ์ตลอด มาตรการจะเป็นไปอย่างรัดกุมเพื่อให้ผู้พิพากษาสามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็น กลางและอิสระ เป็นหน้าที่ของสำนักงานศาลยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันที่ 22 มิ.ย. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อท.69/2563 อุ้มฆ่าพี่ชาย ผู้พิพากษาอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ช่วงเดือน ก.พ.63 พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-6 ความผิด 9 ข้อหา ถึงแม้มีข่าว การแหกคุกหลบหนี ทางศาลฯ จะยังเบิกตัวจำเลยที่ 1 พ.ต.ท.บรรยินออกจากเรือนจำกลางบางขวาง สถานที่ ที่จำเลยถูกย้ายมาขังเดี่ยวหลังแผนแหกคุกแตก
ศาลยังมีคำสั่งอีกว่า เพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลและคู่ความวันนัดตรวจพยานหลักฐาน เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และเพื่อเป็นการรักษาความ สงบเรียบร้อยของประชาชนในบริเวณศาล เห็นสมควร ให้พิจารณาเป็นการลับให้โจทก์ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 และทนายความจำเลยที่ 1-2 มาศาลอาญาคดี ทุจริตฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าพนักงานคดีวันที่ 22 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ส่วนโจทก์ และจำเลยที่ 2-6 พร้อมด้วยทนายความมาศาลเพื่อตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าพนักงานคดีวันที่ 25 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ห้ามไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ความเข้าห้อง พิจารณาเช่นกัน สำหรับสื่อมวลชนศาลอาญาคดีทุจริตฯ ไม่อนุญาตให้เข้าห้องพิจารณาคดี แต่จัดห้องรอฟังถ่ายทอดกระบวนพิจารณาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไว้ให้