ผู้ยากไร้ยังมีอีกมากในสังคม แม้จะอยากเดินห้างสรรพสินค้าบ้างหลังคลายล็อก แต่คงยากเพราะขาดรายได้ ต้องประหยัดเพื่อเอาตัวรอดท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 คอยฟังว่ามีแจกของที่ไหน ก็ตามไปรอรับมาใช้ยังชีพ

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 18 พ.ค.63 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.พร้อม พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 พ.ต.อ.ภัสพงษ์ บุตรไทย ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ ร่วมกันแจกข้าวกล่อง หน้ากากอนามัย น้ำดื่ม และของยังชีพ จำนวน 1,400 ชุด ที่ชุมชนสถาพร ถนนประชาอุทิศ ซอย 15 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กทม.ตามโครงการรับข้าวฟรี ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จิตอาสาและอาสาสมัครในพื้นที่ร่วมทำการคัดกรองประชาชนตามนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

...

จากการสอบถาม นางชูศรี พงษ์พิทักษ์ชัย อายุ 68 ปี หนึ่งในชาวบ้านชุมชนสถาพร ซึ่งอุ้มน้องแอม หลานสาววัย 2 ขวบ มารับข้าวกล่องด้วย กล่าวว่า ตั้งแต่มีวิกฤติโควิด-19 ช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ตนใช้เวลาเลี้ยงหลานด้วยความยากลำบาก ก่อนหน้านี้ลูกชายซึ่งเป็นพ่อน้องแอม ขับรถ จยย.รับจ้าง ส่วนลูกสะใภ้ทำงานโรงงานก็หาเก็บเงินกันยากลำบากอยู่แล้ว ยิ่งมาช่วงโควิด-19 ทำให้รายได้ยิ่งหดหาย ลูกค้าที่จะเดินทางมาใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างน้อยลง ส่วนโรงงานก็ปรับลดระยะเวลาการทำงานลงทำให้ลูกสะใภ้รายได้หายไปเดือนละหลายพันบาท

ตนทำหน้าที่เลี้ยงหลานก็จะติดตามข่าวสารว่าที่ไหนมีแจกข้าว แจกของยังชีพก็จะพาหลานไปด้วย เมื่อวานทราบว่าห้างสรรพสินค้าเริ่มเปิดให้บริการแล้ว ก็อยากพาหลานไปเหมือนกัน เพราะอยากไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ อยากพาหลานไปเดินตากแอร์เย็น แต่ติดที่ว่ารายได้ไม่มี ตอนนี้เงินเหลือน้อยเต็มทีจึงต้องช่วยกันประหยัดเอาไว้ก่อน

ด้าน น.ส.ศิราณี มั่นบุญมานะ อายุ 54 ปี ซึ่งพา น.ส.ศิริพรรณ อยู่นุด อายุ 78 ปี ผู้เป็นแม่ป่วยพิการทางการได้ยินและโรคชรานั่งรถวีลแชร์มารับบริจาคข้าวกล่อง กล่าวว่า อดีตตนเคยทำงานโรงงานเย็บผ้า แต่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แม่ป่วยหนักด้วยโรคชราทำให้เดินไม่ได้ต้องนอนติดเตียง ตนจึงตัดสินใจออกจากงานมาดูแลแม่ และอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง สำหรับรายได้หลักนอกจากเบี้ยคนชราและเบี้ยคนพิการที่แม่จะได้รับเดือนละรวมกัน 1,500 บาทแล้ว ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ตนยังรับจ้างทำงานบ้าน ซักผ้า ให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเพื่อหาเงินมาซื้อข้าวของเครื่องใช้ ทำให้พอประทังชีวิตกันไปได้ แต่เมื่อมีวิกฤติโควิด-19 งานก็หดหาย ไม่มีใครจ้างไปทำงานบ้านอีก ตอนนี้จึงอยู่ได้ด้วยน้ำใจของเพื่อนบ้านที่แบ่งปันข้าว น้ำ และอาหารแห้งมาให้ตนกับแม่กินกัน

...

ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากพาแม่ไปเดินเล่นบนห้างสรรพสินค้าติดแอร์เย็นๆ หรือไม่ น.ส.ศิราณี ตอบว่า ที่ผ่านมา 1 ปี นอกจากนอนอยู่ที่บ้านแล้ว ตนทำได้แค่พาแม่ขึ้นรถแท็กซี่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลประชาพัฒน์ ริมถนนสุขสวัสดิ์ เนื่องจากหมอนัดตรวจความดัน เบาหวาน และอาการของโรคหัวใจอยู่เป็นประจำ ความรู้สึกของตนหลังทราบว่าห้างสรรพสินค้าเปิดแล้วนั้น ตนบอกตามตรงก็รู้สึกยินดีไปด้วยกับผู้ประกอบการ และยินดีด้วยกับลูกค้าห้างสรรพสินค้าที่เดินทางไปจับจ่ายซื้อของกัน ส่วนตนกับแม่นั้นคงไม่มีโอกาส เพราะเดินทางก็ลำบากประกอบกับรายได้ก็ไม่มี ไม่รู้ว่าวิกฤตินี้จะผ่านไปเมื่อไหร่ แต่ก็ต้องใช้ชีวิตแบบพอเพียงไปก่อน ไม่เช่นนั้นคงต้องอดตายเป็นแน่.