ในรอบ 24 ชั่วโมง ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากทั่วโลก เพิ่มขึ้น 8.51 หมื่นราย มาอยู่ที่ 4,262,799 ราย เสียชีวิต 291,981 ศพ เพิ่มขึ้น 5.64 พันศพ รักษาหายแล้ว 1,493,661 รายจากการรายงานของศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เมื่อเวลา 12.32 น. วันที่ 13 พ.ค.
- สหรัฐฯ ยังวิกฤติ ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังคงสูงที่สุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,369,964 ราย เพิ่มขึ้นมา 2.2 หมื่นราย ในรอบ 24 ชั่วโมง เสียชีวิต 82,387 ศพ เพิ่มขึ้นภายในวันเดียว 1.7 พันศพ โดยรัฐนิวยอร์ก เสียชีวิตมากสุดในสหรัฐฯ 27,284 ศพ
- การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในสหรัฐฯ ไม่อาจไว้วางใจได้ แต่กลับมีเมืองบางเมืองและรัฐบางรัฐ เตรียมปลดล็อกดาวน์เปิดเศรษฐกิจ ทำให้ นพ.แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ต้องออกมาเตือน เพราะจะเกิดผลกระทบร้ายแรงอย่างมาก อาจมีความเป็นไปได้ที่การแพร่ระบาดรอบที่ 2 จะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วง จนไม่สามารถควบคุมได้
- สถานการณ์ในรัสเซีย น่าห่วงมากขึ้นเพราะการแพร่ระบาดรวดเร็วมาก ภายในวันเดียวผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 10,899 ราย มาอยู่ที่ 232,243 ราย ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลก แซงหน้าสเปนไปแล้ว โดยผู้เสียชีวิต มีจำนวน 2,166 ศพ เพิ่มขึ้น 107 ศพ
- ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิดในอังกฤษ อยู่อันดับ 2 ของโลก เพิ่มขึ้น 627 ศพ อยู่ที่ 32,769 ศพ จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 227,741 ราย ตามมาด้วยอิตาลี เสียชีวิต 30,911 ศพ จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 221,216 ราย ฝรั่งเศส เสียชีวิตรองลงมา อยู่ที่ 26,994 ศพ จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 178,349 ราย
- เกาหลีใต้มีความเสี่ยงจะแพร่ระบาดในรอบ 2 หลังพบผู้ติดเชื้อซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงในย่านอิแทวอนของกรุงโซล มากถึง 102 ราย โดยในรอบ 24 ชั่วโมง พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 26 ราย รวม 10,962 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รวม 259 ศพ
- อีกประเทศต้องจับตา เมื่อผู้ติดเชื้อในอินเดียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 3,525 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 74,480 ราย และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 121 ศพ รวมผู้เสียชีวิต 2,415 ศพ
- ในกลุ่มประเทศอาเซียน สิงคโปร์ยังหนักสุด มีผู้ติดเชื้อ 24,671 ราย เพิ่มขึ้น 849 รายในรอบ 24 ชั่วโมง เสียชีวิตคงที่ 21 ศพ ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ติดเชื้อ 14,749 ศพ เพิ่มขึ้น 484 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 19 ศพ มาอยู่ที่ 1,007 ศพ
- ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดในฟิลิปปินส์ อันดับ 3 ในอาเซียน อยู่ที่ 11,350 ราย เพิ่มขึ้น 264 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 25 ศพ มาอยู่ที่ 751 ศพ ตามมาด้วยมาเลเซีย ติดเชื้อ 6,742 ราย เสียชีวิต 109 ศพ และไทย อันดับถัดมา ติดเชื้อ 3,017 ราย เสียชีวิตคงที่ 56 ศพ
- ไทย ยังคงอยู่อันดับที่ 66 ของโลก มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยวันที่ 13 พ.ค. ไม่พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ยอดผู้ป่วยสะสมคงอยู่ที่ 3,017 ราย รักษาหายแล้ว 2,844 ราย หรือคิดเป็น 94.27%
- ในจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดของไทย อายุน้อยสุด 1 เดือน อายุมากสุด 97 ปี และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย 39 ปี โดยพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคใต้ มีผู้ป่วยมากสุด ส่วนช่วง 28 วันที่ผ่านมา ยังมีผู้ป่วยในพื้นที่ 18 จังหวัด และอีก 50 จังหวัดไม่พบผู้ป่วยในช่วง 28 วัน ส่วน 9 จังหวัด ไม่เคยมีผู้ป่วยตั้งเริ่มมีการแพร่ระบาดในไทย
- จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. มีการประกาศเคอร์ฟิว จนถึง 3 พ.ค. เริ่มผ่อนปรนล็อกดาวน์ พบว่าวันที่ 4 พ.ค. เป็นวันแรกที่เป็นศูนย์ ไม่มีผู้ติดเชื้อ ยกเว้นในศูนย์กักกันที่มี 18 ราย และวันที่ 13 พ.ค. เป็นศูนย์อีกครั้ง และเป็นระยะเวลา 17 วันต่อเนื่องมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพียงหลักเดียว โดยอัตราการติดเชื้อน้อยลง เฉลี่ยอยู่ที่ 0.14 คน
- ด้านตัวเลขผู้ป่วยในสถานกักกันโรคที่รัฐและจังหวัดจัดให้ ตั้งแต่เดือน ก.พ. จนถึงวันที่ 11 พ.ค. มีจำนวน 90 ราย พบว่าในพื้นที่ จ.สงขลา มากสุด 19 ราย สตูล 18 ราย กรุงเทพฯ 16 ราย ปัตตานี 12 ราย ยะลา 8 ราย ชลบุรี 7 ราย นราธิวาส 6 ราย กระบี่ 3 ราย และสมุทรปราการ 1 ราย รวม 90 ราย
- ผู้ป่วยในสถานกักกันโรคส่วนใหญ่เดินทางมาจากอินโดนีเซีย 63 ราย รองลงมาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5 ราย สหรัฐฯ 5 ราย มาเลเซีย 4 ราย คาซัคสถาน 2 ราย ญี่ปุ่น 2 ราย ปากีสถาน 2 ราย อังกฤษ 2 ราย จีน 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย รัสเซีย 1 ราย อินเดีย 1 ราย และไม่ระบุ 1 ราย ส่วนในศูนย์กักกันตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา พบผู้ป่วย 65 ราย จากจำนวน 74 ราย ชาวเมียนมามากสุด.
...