จากเหตุการณ์ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลได้ออกมาตรการควบคุมระดับสูงสุด และได้ประกาศใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ประชาชนหยุดการเดินทางและอยู่บ้าน เพื่อควบคุมการระบาด ส่งผลให้การเดินทางและการบริการขนส่งสาธารณะต่างๆแทบจะหยุดไปโดยปริยาย ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า สายการบิน ทางด่วน โดยทุกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือกันเต็มที่ แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งอย่างมาก

นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริหาร บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งนี้ ส่งผลกระทบร้ายแรงและเร็วมาก กระทบกันทุกคน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ต้องถือว่าประเทศไทยตั้งหลักได้ดี รัฐบาลควบคุมเหตุการณ์และแก้ปัญหาได้ดีมากแล้ว จุดดีของคนไทยคือความสามัคคี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน พอรัฐบาลประกาศเดินหน้าควบคุม แก้ปัญหา เยียวยาให้ทุกภาคส่วน ประชาชนและภาคธุรกิจก็ออกมาช่วยกัน คนรวยกว่าก็ช่วยคนจนกว่า คนที่ไหวก็บริจาคช่วยสนับสนุนทางการแพทย์ และช่วยผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเรื่องแบบนี้ชาติอื่นสู้คนไทยไม่ได้เลย ในส่วนของ BEM เราให้ความร่วมมือกับภาครัฐ บริจาคสนับสนุนในด้านต่างๆ และดูแลประชาชนผู้ใช้บริการอย่างเต็มที่ เรานำมาตรการสุขอนามัยต่างๆ การควบคุมตรวจสอบมาใช้อย่างเข้มข้น เช่น ที่รถไฟฟ้าก็ต้องเพิ่มการทำความสะอาด มีการตรวจวัดไข้ผู้ใช้บริการ ขอให้สวมหน้ากากอนามัย พยายามลดการใช้เงินสดให้ใช้บัตรเติมเงินแทน

นายพงษ์สฤษดิ์กล่าวว่า ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วน ต้องยอมรับว่าลดลงมาก ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องมาช่วงเดือนมีนาคม-ปัจจุบัน จะหนักสุด คนใช้รถไฟฟ้าลดไปกว่า 75% ส่วนทางด่วนประมาณ 55% ก็ต้องยอมรับว่ากระทบหนักรายได้หายไปทันที แต่ค่าใช้จ่ายไม่ได้ลด เราไม่มีการเลิกจ้างหรือลดคน มีแต่ดูแลให้พนักงานของเราแข็งแรง มีกำลังใจช่วยกัน พนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่เราจ้างก็จ่ายเงินเดือนตามปกติไม่ได้เลิกจ้าง ดูแลเต็มที่ ผู้รับเหมา-supplier ของเราใครกระทบเราก็ช่วย ทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพการให้บริการของเราต้องดี ส่วนตัวผมเชื่อว่าการที่รัฐจำกัดควบคุมการเดินทางเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะนานกว่านี้อีกสักนิดก็ต้องยอม รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ในส่วนของ BEM รายได้ กำไรปีนี้ลดลงแน่นอน ต้องประเมินสถานการณ์อีกทีช่วง 1-2 เดือนนี้ แต่มั่นใจพอปัญหาจบ ผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วน ก็จะกลับมาเป็นปกติแทบจะทันที เพราะประชาชนต้องกลับมาเดินทาง

...

ส่วนประเด็นที่ BEM ขอให้รัฐเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วนลดลง นายพงษ์สฤษดิ์ชี้แจงว่า สถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดเป็นเหตุสุดวิสัยที่กระทบกับทุกคน ทั้งประชาชน ภาครัฐ ภาคธุรกิจ เดือดร้อนหมด รัฐบาลเดินมาถูกแล้ว ต้องประกาศให้ชัดว่าพร้อมเยียวยา ช่วยเหลือให้เต็มที่และเร็ว ให้ทั่วถึง อย่าเลือกปฏิบัติ ตรงนี้ขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาล ถ้ารัฐไม่ช่วยใครจะช่วย ถ้ารัฐไม่ช่วยก็เท่ากับเอาเปรียบประชาชนและภาคธุรกิจที่เค้าเสียภาษีให้ประเทศ ต่อไปภาคเอกชนก็ไม่มั่นใจไม่กล้าลงทุนกับรัฐ ต่างชาติก็หนีหมด ส่วน BEM ต้องยอมรับว่ากระทบหนักจริง เราก็จำเป็นต้องแจ้งให้ กทพ. และ รฟม.ทราบตามหน้าที่ ตามสัญญา ไม่ใช่จ้องจะไปขอชดเชยทันทีโดยไม่มีเหตุผล อะไรที่เรารับได้ ช่วยได้ เราก็พร้อมช่วยเต็มที่ แต่ที่เหลือถ้ามันเกินกำลัง รัฐก็ต้องช่วยในฐานะผู้ดูแล มานั่งหารือช่วยกัน มีวิธีเยอะแยะมากมาย

รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า กทพ.ได้มีหนังสือปฏิเสธการเยียวยาให้ BEM นั้น แหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า เรื่องนี้ได้ตำหนิ กทพ.ไปแล้วไม่ควรทำแบบนี้ รัฐบาลรวมทั้งกระทรวงคมนาคม ทั้งระดับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ต่างให้ข่าวว่ารัฐพร้อมดูแล เยียวยาทุกภาคส่วนเพียงแต่วิธีการก็ต้องมาดูให้เหมาะสมเพราะเรื่องนี้เป็นเหตุสุดวิสัยแต่ กทพ.กลับสวนทางนโยบายรัฐ เรื่องนี้เอกชนขอใช้สิทธิตามสัญญา เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ได้มีปัญหาอะไร สุดท้ายก็มาหารือกัน มีวิธีแก้มากมาย ทั้งนี้ กทพ. มีรายได้เยอะมาก ให้เงินเดือนสวัสดิการพนักงานเยอะมาก จึงควรจะนำเงินส่งรัฐให้มากขึ้น.