จากกรณีที่มีการสูญเสียศิลปินตลก นายพรหมพัฒน์ พรหมบริรักษ์ หรือที่ใครหลายคนรู้จักในชื่อ เบียร์ แก๊งค์ข้าวปุ้น หรือ เบียร์ ร็อคข้าวปุ้น ซึ่งเสียชีวิตด้วยอาการไตวาย ตามที่รายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุด ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสพูดคุยกับ นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เกี่ยวกับ “ไตวาย” ซึ่งเป็นเรื่องราวใกล้ตัวที่น่าสนใจ และไม่ควรมองข้าม โดยมีเนื้อหาใจความสำคัญ ดังต่อไปนี้

  • สาเหตุ “ไตวาย”

โดยสาเหตุอันดับหนึ่งของไตวาย คือ เบาหวาน รองลงมา คือ โรคความดันโลหิตสูง และอีกสาเหตุหนึ่งเกิดมาจากการชอบกินอาหารรสเค็ม

ทั้งนี้ คนไทยส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่สมดุลกับความต้องการของร่างกาย เช่น กินมากเกินไป, กินอาหารหวาน, เค็ม, ไขมันสูง, ขาดการออกกำลังกาย และความเครียดสะสม ซึ่งโรคดังกล่าวจะมีผลต่อเส้นเลือดไปเลี้ยงไตทำให้ไตขาดเลือด และการกรองของเสียออกจากร่างกายจะมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จนเกิดปัญหาไตวาย

โดยสถานการณ์โรคไตวายเรื้อรังของประเทศไทย ในแต่ละปีมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจำนวน 8 ล้านคน เป็นผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย มากกว่าแสนคน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15-20 ต่อปี 

สำหรับผู้ป่วยโรคไตนั้น มีหลากหลายสาเหตุและสามารถป้องกันได้ ถ้าได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ เช่น การควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงให้ดี แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ผู้ป่วยโรคไตบางคนละเลยการรักษา ทำให้ไตวายอย่างรวดเร็วจนเสียชีวิต

...

  • อาการ

เมื่อเกิดภาวะไตวาย ร่างกายจะแสดงอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้

คลื่นไส้ อาเจียน ร่างกายอ่อนแรง เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ผิวแห้ง คัน ปัสสาวะลดลง ตัวบวม ตาบวม น้ำท่วมปอด หายใจไม่ถนัด นอนราบไม่ได้ ความดันโลหิตสูง มีภาวะซีด เลือดจาง และอาจถึงขั้นหมดสติและเสียชีวิตได้

  • การป้องกัน

    - ลดกินอาหารรสหวาน รสมัน และรสเค็ม
    - ปรุงอาหารโดยไม่ใช้ผงชูรส ผงปรุงรสต่างๆ
    - งดเมนูอาหารที่ทำจากของหมักดองเค็ม เช่น หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง ปลาเค็ม ไข่เค็ม เป็นต้น
    - เลิกบุหรี่และงดดื่มสุรา
    - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

“ส้มตำ ยำต่างๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป การปรุงอาหารเหล่านี้จะต้องใช้วัตถุดิบปรุงรสเพิ่มขึ้นทั้งเกลือ น้ำตาล ซึ่งจะมีผลทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น เพราะไตทำงานหนักในการกรองเกลือโซเดียมและน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย” นพ.อรรถพล กล่าว

  • การรักษา

1. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม - ในการฟอกเลือดแต่ละครั้งต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. และต้องทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง 
2. การล้างไตทางผนังช่องท้อง - วิธีนี้จำเป็นต้องทำทุกวัน ผู้ป่วยจึงมักทำที่บ้านและเรียนรู้วิธีการทำด้วยตัวเอง
3. การผ่าตัดปลูกถ่ายไต - เป็นการผ่าตัดเอาไตของผู้อื่นมาใส่ไว้ในร่างกายผู้ป่วยเพื่อทดแทนไตเดิม.