"บิ๊กแป๊ะ" ควง น.1 รวบคู่รักโจรใช้ปืนจี้แบงก์กรุงเทพ กวาดเงิน 8.7 แสน ย่านทุ่งครุ หลังก่อเหตุเมื่อ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ตร.ต้องไล่เช็กกล้องวงจรปิดจนสามารถรู้ตัว เส้นทางหลบหนี และหลักฐาน จนนำไปสู่การจับกุม พบทั้งคู่เคยต้องโทษมาหลายคดี และอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับศาล พร้อมนำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ก.พ.63 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร.
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายชัยวัฒน์ มีชะคะ อายุ 32 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ และ น.ส.ผกามาศ ประดับวงศ์ อายุ 29 ปี แฟนสาว ชาว จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 58/2563 และ 59/2563 ลงวันที่ 31 ม.ค.63 ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ผ้าคลุมศีรษะและใบหน้าเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
...
พร้อมของกลางเงินสด 401,000 บาท อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาด .38 รวม 4 นัด รถยนต์ฮอนด้า รุ่นซีวิค สีแดง ทะเบียน วพ 9406 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และรองเท้าที่ใส่ก่อเหตุอีก 1 คู่ โดยจับกุมตัวทั้ง 2 รายได้ที่กลางซอยท่าเรือแดง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 13.53 น. วันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งครุ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายชายฉกรรจ์สวมหมวกนิรภัยแต่งกายมิดชิดปิดหน้าปิดตา ใช้อาวุธปืนลูกโม่ไม่ทราบขนาด จี้ชิงทรัพย์เงินสดจากพนักงานเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพ สาขาเทสโก้ โลตัส ประชาอุทิศ ได้เงินไป 870,500 บาท โดยก่อนที่คนร้ายจะขับขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงไม่ทราบยี่ห้อหลบหนียังชิงทรัพย์อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ของเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำธนาคารไปด้วย
ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้ร่วมกันไล่เช็กกล้องวงจรปิดจนทราบว่า คนร้ายขับขี่รถหลบหนีมุ่งหน้าไปในย่านท่าข้าม ก่อนนำรถจักรยานยนต์ เสื้อผ้าที่สวมใส่ และหมวกนิรภัย ไปทิ้งลงในคลองซอยโปร่งอารมณ์ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. นอกจากนี้ยังพบหลักฐานเชื่อมโยงว่าคนร้ายรายนี้มีผู้ให้การสนับสนุนพาหลบหนีโดยขับรถยนต์อีกคันพาคนร้ายออกจากพื้นที่ จึงเก็บรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ นำไปพิสูจน์ทราบทางดีเอ็นเอ พบว่า ทั้งดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงตรงกับอัตลักษณ์บุคคลของ นายชัยวัฒน์ และ น.ส.ผกามาศ แฟนสาว จนเป็นที่มาของการขออนุมัติหมายจับติดตามไปรวบตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งคู่ในเบื้องต้นยอมรับว่านำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว และนำไปฝากไว้กับญาติพี่น้องบางส่วน กระทั่งตำรวจติดตามกลับคืนมาได้จำนวน 401,000 บาท โดยผู้ต้องหาทั้งคู่นั้นเคยต้องโทษคดีอาญามาหลายคดี สำหรับนายชัยวัฒน์ เมื่อปี พ.ศ.2547 ถูกจับกุมคดีโทรมหญิง เมื่อปี 2552 ถูกจับคดีครอบครองยาบ้าและขับรถขณะเมาสุรา ส่วน น.ส.ผกามาศ อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับศาลอาญาธนบุรี ข้อหารับของโจรและปลอมแปลงเอกสาร ซึ่ง พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุด้วยตนเอง ช่วงสายวันนี้ที่ห้างเทสโก้ โลตัส สาขาถนนประชาอุทิศ
...
จากนั้นเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. คุมตัวนายชัยวัฒน์ หรือแอ้ มีชะคะ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ธนาคาร ออกจากห้องควบคุม สน.ทุ่งครุ เดินทางไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาเทสโก้โลตัส ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตทุ่งครุ กทม.เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วน น.ส.ผกามาศ หรือหนู ประดับวงษ์ อายุ 29 ปี แฟนสาวซึ่งทำหน้าที่ขับรถยนต์พาหลบหนี ไม่ได้นำตัวไปด้วยเนื่องจากในชั้นสอบสวนขณะนี้ยังให้การปฏิเสธ
...
สำหรับบรรยากาศการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นมีประชาชนนับร้อยมาเฝ้าดูวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก โดย พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 ต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ สน.ทุ่งครุ และ กก.สส.บก.น.8 นำกำลังมาดูแลความปลอดภัยให้ผู้ต้องหาอย่างแน่นหนา ซึ่งจุดที่ 1.ดำเนินการชี้คือจุดจอดรถ จยย.ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีดำขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บริเวณลานจอดรถข้างห้าง 2.ดำเนินการชี้จุดประตูทางเข้าธนาคาร 3.ชี้จุดบริเวณเคาน์เตอร์รับฝากเงิน 4.ทำแผนประทุษกรรมขณะใช้อาวุธปืนของตัวเองจี้ชิงปืนลูกโม่ขนาด .38 ของ รปภ.ธนาคาร 5.ถ่ายภาพขณะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์รับฝากถอนเข้าไปโกยเงินสดจำนวน 807,500 บาทใส่กระเป๋าเป้ก่อนหลบหนีออกไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้รีบคุมตัว นายชัยวัฒน์ ขึ้นรถกระบะสายตรวจกลับโรงพักทันทีเพื่อสอบปากคำต่อ
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาขณะนี้ยอมรับว่า มีภูมิลำเนาอยู่ ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ มีความคุ้นเคยกับที่เกิดเหตุ และเคยมาดูลาดเลาก่อนแล้ว จึงวางแผนก่อเหตุชิงเงินครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ ไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยได้แบ่งเงินนำไปซื้อทองรูปพรรณกับพระเลี่ยมทองบางส่วน ส่วนเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย พบว่าหลังก่อเหตุคนร้ายได้นํารถ จยย.เสื้อผ้า หมวกนิรภัย และปืนของตัวเองที่อ้างว่าเป็นบีบีกัน ไปทิ้งไว้ที่คูน้ำข้างทางภายในซอยโปร่งอารมณ์ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน แล้วหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปกบดานย่านนิมิตรใหม่โดยมีแฟนสาวขับรถยนต์พาไป อีกทั้งยังแบ่งเงินที่ได้จากการก่อเหตุบางส่วนไปฝากไว้กับพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้ตำรวจยึดคืนมาได้แล้ว
...
มีรายงานว่า นายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหารายนี้มีแรงจูงใจที่จำเป็นต้องก่อเหตุคือ ที่ผ่านมาเจ้าตัวมีภรรยามาแล้ว 3 คน มีลูกอีก 5 คน ทำให้เงินชักหน้าไม่ถึงหลังประกอบกับไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ส่วน น.ส.ผกามาศ หรือหนู ประดับวงษ์ อายุ 29 ปี แฟนสาวคนใหม่ก็เป็นลูกสาวตำรวจชั้นประทวนนายหนึ่งในพื้นที่ บก.น.8 ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2559 เคยถูกเจ้าหน้าที่ สภ.สาขลา จ.สมุทรสาคร จับกุมข้อหานำรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาใช้ โดยขณะนั้นเจ้าตัวอ้างว่า เป็นรถของอดีตเเฟนหนุ่มนำมาให้ใช้ อย่างไรก็ตามแม้ น.ส.ผกามาศ จะให้การปฏิเสธแต่ตำรวจมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ทั้ง 2 รายใช้หลบหนี ประกอบกับมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝงติดอยู่ที่วัตถุพยานหลายชิ้น ทำให้มั่นใจว่าสามารถดำเนินคดีทั้งคู่ได้อย่างแน่นอน.