การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ทวีความรุนแรงมากขึ้น ต้องจับตาหลังเทศกาลตรุษจีน จะมีชาวจีนหลายร้อยล้านคนเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หนึ่งในนั้นมีประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของคนจีน ล่าสุดจีนเปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 25 รายแล้ว โดยมีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึง 830 ราย ส่วนใหญ่อยู่เมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของจีน

  • ข่าวร้าย เมื่อนายแลร์รี หู นักวิเคราะห์จากแมคควอรี แคปิตัล ระบุแนวโน้มการระบาดของ "ไวรัสโคโรน่า" จะรุนแรงมากกว่า 17 ปีที่แล้ว ที่เกิดการแพร่ระบาดโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส เนื่องจากปัจจุบันชาวจีนออกเดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกว่าช่วงปี 2546 หลายเท่า

  • ผู้ป่วยติดเชื้อ "ไวรัสโคโรน่า" ในจีน ไม่เฉพาะ "เมืองอู่ฮั่น" มีหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คน ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อใน 25 มณฑล จากทั้งหมด 31 มณฑลของจีน ขณะที่ต่างประเทศมีผู้ติดเชื้อในไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเก๊า และสหรัฐฯ โดยผู้ป่วยมีความเชื่อมโยงกับเมืองอู่ฮั่น

  • ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรคของไทย แจ้งเตือน "โรคปอดอักเสบ" จากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ในประเทศจีน เมืองอู่ฮั่น ระดับ 3 หลีกเลี่ยงการเดินทาง ภายหลังจีนประกาศให้เมืองอู่ฮั่น รวมถึงเมืองหวงกัง, ชื่อปี้, เอ้อโจว และจือเจียง เป็นพื้นที่ควบคุมการเดินทาง ส่วนในเมืองอื่นๆ ยังไม่มีการควบคุมการเดินทาง และไม่มีการคัดกรอง

...

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผย “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "ไวรัสโคโรน่า" สายพันธุ์ใหม่ในไทย ว่า ขณะนี้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อมีจำนวน 4 ราย โดยรายแรก เป็นหญิงชาวจีน อายุ 61 ปี ขณะนี้หายดีถูกส่งกลับประเทศแล้ว ส่วนรายที่ 2 เป็นหญิงชาวจีน อายุ 74 ปี ขณะนี้หายดี ไม่พบสารพันธุกรรมไวรัส ถูกส่งกลับประเทศแล้ว รายที่ 3 หญิงไทย อายุ 73 ปี รักษาตัว รพ.นครปฐม อากาศดีขึ้น ไม่มีไข้ แต่เนื่องจากมีโรคประจำตัว ยังคงรักษาต่อเนื่อง และรอตรวจในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ คาด 2-3 วัน อาจกลับบ้านได้ และรายที่ 4 ชายชาวจีน อายุ 64 ปี รักษาตัวสถาบันบำราศนราดูร ขณะนี้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น อยู่ระหว่างรอผลตรวจในห้องปฏิบัติการฯ หากไม่พบจะส่งกลับจีน

พร้อมยืนยันยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีผู้ป่วยอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค (PUI) จำนวน 53 ราย และล่าสุดผู้ป่วย 33 ราย ส่งกลับบ้านแล้ว ยังเหลืออีก 20 ราย อยู่โรงพยาบาล โดย 4 ราย จากจำนวน 53 ราย ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ทั้งนี้ไม่อยากให้ประชาชนตระหนก แต่อยากให้ตระหนักติดตามข้อมูล เนื่องจากจีนมีประชากร 1 พันกว่าล้านคน เฉพาะเมืองอู่ฮั่นมี 10 กว่าล้านคน รวมถึงเมืองอื่นๆ มีประชากรจำนวนมาก จึงมีตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นสถิติที่สูง และช่วงนี้อากาศเปลี่ยนอยู่ในหน้าหนาว ได้ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ อีกทั้ง "ไวรัสโคโรน่า" เป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งไม่รุนแรงเท่า “ซาร์ส” และ “เมอร์ส”

“แต่ก็ถือว่าไวรัสโคโรน่า มีความรุนแรง มีการพบผู้ป่วยมีอาการตั้งแต่ระดับน้อย ปานกลาง และรุนแรงจนเสียชีวิต ซึ่งทางการจีนได้ออกมาเปิดเผย จึงขอให้รับฟังเป็นข้อมูล อย่าตื่นตระหนก และอาจมีผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยอาจตรวจไม่พบเชื้อ โดยจีนได้ออกมาตรการจริงจังลดกิจกรรมให้คนจำนวนมากมารวมกัน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อ หลังมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นในหลายๆ เมือง ตรงนี้ขอชื่นชมจีนในการจำกัดการเดินทางเข้า-ออกเมืองอู่ฮั่น และขยายไปยังเมืองใกล้เคียง แต่ขณะที่องค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศเป็นภาวะเร่งด่วนในการควบคุมโรค”

ส่วนมาตรการของไทย โดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ ททท. ดำเนินการตรวจคัดกรองผู้เดินทางจากเที่ยวบินที่บินตรงจากเมืองอู่ฮั่น และเมืองอื่นๆ ที่ทางจีนประกาศควบคุมการเดินทาง พร้อมจัดให้มีเครื่องวัดอุณหภูมิแบบมือถือ สำหรับตรวจในจุดสนามบิน เริ่มตั้งแต่ประตูลงเครื่อง และติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน เพื่อคัดกรองบริเวณจุดตรวจคนเข้าเมือง และเนื่องจากจีนจำกัดการเข้า-ออกเมืองอู่ฮั่น โดยแหล่งท่องเที่ยวของชาวจีน คือ เมืองไทย จึงมีการยกเลิกเที่ยวบินเข้า-ออกโดยปริยาย รวมถึงสายการบินของไทย

...

“หากติดตามสถานการณ์ในจีน จุดยากที่สุดคือการควบคุมคน อาจมีโอกาสพบคนจีนที่ป่วยจากเมืองอื่นเดินทางมาไทย จึงขอความร่วมมือสายการบินช่วยคัดกรองผู้โดยสาร 1.กรณีเป็นไข้ 2.มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ และ 3.มีปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับเมืองอู่ฮั่นและเมืองอื่นหรือไม่ เพื่อลดโอกาสไม่ให้คนป่วยติดเชื้อขึ้นเครื่องเข้ามาในไทย”

นอกจากนี้ในช่วงเชื้อไวรัสโคโรน่า อยู่ในระยะฟักตัว ได้ประสานหน่วยรัฐและเอกชนให้ประชาสัมพันธ์ และตั้งจุดคัดกรองบุคคลที่มีความเสี่ยง หากพบผู้ป่วยให้รีบนำเข้าห้องแยกโรค และประสานศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งต้องทำ ตราบใดที่สถานการณ์ยังคงอยู่ และมีคนเดินทางเข้าไทย อาจป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า อยากให้คนไทยตระหนักให้มาก หมั่นสังเกตคนในครอบครัวได้มีการเข้าไปยังเมืองที่มีความเสี่ยงหรือไม่ เช่น เข้าใกล้พื้นที่ค้าขายสัตว์ หรือพบนักท่องเที่ยวมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ ให้รีบแจ้ง

“เราเชื่อว่า เรามีประสบการณ์ สามารถเอาอยู่ ควบคุมไม่ให้ระบาดได้ เพราะฉะนั้นอย่ารังเกียจคนที่ป่วย ควรสังเกตอาการและแจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนที่มีข้อมูลคาดว่าเชื้อไวรัสโคโรน่า มาจากค้างคาวและงู ขณะนี้ทางองค์การอนามัยโลก เข้าร่วมตรวจสอบทางระบาดวิทยา และรอข้อมูลจากห้องปฏิบัติการ ยังไม่มีการชี้ชัด แต่เพื่อความปลอดภัยขอให้ทุกคนอย่าเข้าใกล้พื้นที่ที่มีสัตว์ป่าทุกชนิด เพราะมีโอกาสแพร่เชื้อโรคต่างๆ ได้ ไม่ใช่เฉพาะไวรัสโคโรน่า หรือแม้แต่ค้างคาว สามารถแพร่เชื้อโรคสมองอักเสบ หรือสัตว์จรจัด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส และระวังการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่เสียชีวิตแล้วนำมาชำแหละขาย ซึ่งติดเชื้อเมื่อกินเข้าไปทำให้เสียชีวิตได้”

...


ความเสี่ยงประเทศไทยจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า

  • การเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นมายังไทย มีสายการบินตรงมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ถึงกรุงเทพมหานคร และมีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยวันละ 1,200 คน

  • คนไทยเดินทางไปประเทศจีน ประมาณปีละ 7 แสนคน และอาศัยในประเทศจีนประมาณ 12,000 คน โดยเป็นนักเรียนนักศึกษาประมาณ 2 ใน 3 ซึ่งเมืองอู่ฮั่น มีนักศึกษาไทยไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนคนจีนเดินทางมาประเทศไทย ปีละประมาณ 10 ล้านคน จากประชากรประมาณ 1,400 ล้านคน

หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจเหนื่อย ภายใน 14 วัน หลังกลับมาจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ให้รีบไปพบแพทย์และยื่นบัตรคำแนะนำด้านสุขภาพสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย กับแพทย์ผู้ทำการรักษาพร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง ซึ่งอาจได้รับเชื้อโรคก่อนเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยได้ถูกต้องและรักษาได้ทันท่วงที.

...