จากอดีตสู่ปัจจุบัน ยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการฉ้อโกงหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะลักษณะการชวนเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจรูปแบบ “แชร์ลูกโซ่” ที่เน้นโฆษณาเชิญชวนให้ผู้คนหันมาสนอกสนใจในผลตอบแทนที่มากโข เพื่อล่อหลอกให้ผู้คนเหล่านี้คล้อยตาม จนกระทั่งนำเงินมาร่วมลงทุนด้วย
จากแชร์แม่มณีที่ตกเป็นข่าวโด่งดัง สู่การย้อนศึกษามหากาพย์แชร์ลูกโซ่ในตำนาน ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ย้อนรอยคดี “แชร์แม่ชม้อย” มหากาพย์แชร์ลูกโซ่ยุคแรกที่เป็นปฐมบทให้คนไทยได้รู้จักและศึกษากลโกงในระบบ “แชร์ลูกโซ่” ได้เป็นอย่างดี
ย้อนกลับไปเกือบ 40 ปีก่อน ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2525 นางชม้อย ทิพย์โส ชาวจังหวัดสิงห์บุรี อดีตพนักงานองค์การเชื้อเพลิง ได้อุปโลกน์ตั้งบริษัทเกี่ยวกับน้ำมันปิโตรเลียมฯ โดยอ้างว่า “ได้กระทำกิจการซื้อขายน้ำมัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
โดยเงื่อนไขการลงทุนไม่ได้วุ่นวายซับซ้อนแต่อย่างใด เพราะผู้สนใจเข้าร่วมการลงทุน จะต้องนำเงินไปลงทุนซื้อน้ำมัน 1 คันรถบรรทุก เป็นจำนวนเงิน 160,800 บาท โดยให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 6.5 ต่อเดือน หรือ 10,450 บาทต่อเดือน เรียกได้ว่า ปีครึ่งก็คืนทุน แถมจ่ายตรงเวลา และสามารถถอนเงินต้นคืนได้ตลอดเวลา
...
บริษัทของเธอสามารถดึงดูดบรรดาเหยื่อให้นำเงินมาร่วมลงทุนมากมาย แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า แท้จริงแล้ว บริษัทเกี่ยวกับน้ำมันปิโตรเลียมฯ ที่เธออ้างถึง ไม่ได้มีการประกอบกิจการจริงแต่อย่างใด!
ด้วยความที่ผลตอบแทนล่อตาล่อใจ จึงพูดกันปากต่อปากเกี่ยวกับการลงทุนแชร์น้ำมันดังกล่าว สุดท้ายเริ่มเรียกกันติดปากว่า “แชร์แม่ชม้อย” เนื่องจากได้รับความนิยมจนจำนวนลูกแชร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชาชนแทบจะทุกสาขาอาชีพทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ฯลฯ ต่างหลงเชื่อนำเงินไปเข้าร่วม จนทำให้มียอดเงินสะพัดในบัญชีหลายพันล้านบาท
ต่อมา แชร์แม่ชม้อย ได้ปรับรูปแบบแชร์ให้ชนชั้นกลางสามารถเข้าร่วมได้ โดนแบ่งการลงทุนเพิ่มขึ้นในลักษณะเป็น “ล้อ” กล่าวคือรถบรรทุก 1 คัน จะมี 4 ล้อ ล้อละ 40,000 บาท (หนึ่งคันมีสี่ล้อ) โดยให้ผลตอบแทนเดือนละ 2,600 บาท เรียกได้ว่า 15 เดือนก็สามารถคืนทุนได้
แม้แต่คนมีรายได้น้อย ก็ยังขวนขวายหาเงินมาร่วมลงทุน จนกระทั่ง จำนวนคนลงทุนสูงขึ้นกว่า 1.6 หมื่นคน โดยมียอดเงินสูงกว่า 4 พันล้านบาท
แชร์แม่ชม้อยเติบโตอย่างพุ่งกระโดด และความเติบโตนี้ กลายเป็นชนวนเร่งให้จุดจบของแชร์แม่ชม้อยมาถึงเร็วขึ้น เพราะจำนวนผู้ลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ย่อมทำให้เงินปันผลที่ต้องจ่ายให้แก่บรรดาลูกแชร์สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้แม่ชม้อยก็พอจะทราบดี เพราะการที่แชร์น้ำมันยืนหยัดอยู่ได้มาเป็นเวลานานนั้น ก็เนื่องมาจากระบบ “ลูกโซ่” ที่นำเงินจากผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ มาจัดสรรคิวแบ่งจ่ายให้ผู้ลงทุนรายเก่าในลักษณะหมุนเวียนกันนั้นเอง
อีก 2 ปีต่อมา ความโด่งดังของแชร์แม่ชม้อยไปเตะตาเข้าหูในผู้คนหลายวงการ จนทำให้ตำรวจต้องเชิญตัวเจ้าแม่แชร์น้ำมันรายนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อสอบสวนพฤติกรรมว่า นางชม้อยนำเงินไปหมุนเวียนออกดอกออกผลอีท่าไหน ถึงได้มีปัญญาจ่ายดอกเบี้ยให้ลูกแชร์มากมาย
ทั้งสอบทั้งเค้นยังไม่ทันได้ความจริง อีก 3 เดือนถัดมา ตัวแทนลูกแชร์แม่ชม้อย จัดทำบัญชีหางว่าว โดยรวมรายชื่อลูกแชร์ที่ถูกนางชม้อยเบี้ยวจำนวน 2,929 ราย ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะแม่ชม้อยหายหน้าหายตาไป และหวังให้ตำรวจช่วยเกลี้ยกล่อมเจ้าแม่แชร์คืนเงินต้น
...
ระหว่างการไกล่เกลี่ย ขบวนการงูกินหางเกิดระอุขึ้นมาเสียก่อน นางชม้อยถูกลูกแชร์ของตัวเองลงขันถลกหนังจับตัวส่งตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงฯ
3 ก.ย.2528 กองปราบฯ นำสำนวนการสอบสวนนางชม้อย หนา 71,521 แผ่น ไปมอบให้พนักงานอัยการเตรียมส่งฟ้องศาล ระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน มีผู้มาแจ้งความดำเนินคดีแก่นางชม้อย ทั้งสิ้น 15,473 ราย รวมเป็นยอดเงินที่ถูกเบี้ยวถึง 4,822 ล้านบาทเศษ
...
หลังจากนั้น ภาระการติดตามค้นขุมทรัพย์แม่ชม้อย ซึ่งแต่ละแห่งก็ลึกลับซับซ้อน ไม่แตกต่างจากขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าในหนังฝรั่งชุดอินเดียนาโจนส์ ก็เป็นของตำรวจกองปราบฯ
ทุกขุมทรัพย์ที่ตำรวจตามขุดได้ ชาวบ้านก็พลอยได้เห็นทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ เครื่องเพชร เป็นหีบๆ เงินสดที่ฝังไว้เป็นลังๆ จำนวนมากจำนวนน้อยต่างกันไป ท่ามกลางข้อสงสัยของประชาชนทั้งประเทศว่า ส่วนที่ตามล้วงตามควักไปไม่ถึง จะมีอีกจำนวนสักเท่าใด
คดีแม่ชม้อย เมื่อคดีถึงชั้นศาล ใช้เวลาในการสืบพยานนานถึง 4 ปี จนเมื่อวันที่ 27 ก.ค.2532 ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้นางชม้อยและพวกรวม 10 คน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา ให้จำคุกเป็นเวลา 117,595 ปี ฐานฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 อีก 36,410 ปี รวมจำคุก 154,005 ปี แต่ประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้ลงโทษรวมกันทุกกระทงแล้วไม่เกิน 20 ปี ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกนางชม้อยและพวกเป็นเวลา 20 ปี และให้คืนเงินที่ฉ้อโกงประชาชนไปรวม 510,584,645 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
...
ระหว่างที่นางชม้อยก้มหน้าก้มหน้าใช้กรรมอยู่ในทัณฑสถานหญิงเรือนจำลาดยาว เพียง 7 ปีเศษ เธอพ้นโทษไปเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2536 ซึ่งเป็นการพ้นโทษก่อนกำหนดถึง 13 ปี เพราะได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในฐานะนักโทษชั้นดี
แม้ว่านางชม้อยจะได้รับอิสรภาพ แต่เป็นอิสรภาพที่ใครก็รู้ว่า ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าใดนัก เพราะรู้กันเต็มอกว่า รอยแค้นฝังลึกที่เธอก่อไว้กับลูกแชร์หลายคน ยังไม่เลือนไปจากความทรงจำ
แม่ชม้อย อยู่ไหน?
ไม่กี่ปีก่อน มีสื่อมวลชนถามหาว่า แม่ชม้อยอยู่ที่ไหน? ปัจจุบันเป็นอย่างไร? นายสำเร็จ บุษยากรณ์ รองอธิบดี กระทรวงยุติธรรม ในยุคนั้น เคยตอบข้อซักถามนี้ว่า “อย่าว่าแต่คุณ เราเองก็อยากรู้ว่า เวลานี้ชม้อยไปกบดานที่ไหน”
“เท่าที่ทราบกระแสข่าวสุดท้ายยืนยันว่า หลังออกจากคุกกลับไปอยู่ที่สิงห์บุรีบ้านเกิด แต่จะให้เจาะลึกถึงแหล่งกบดานจริงๆ ยังไม่มีใครรู้ แม้แต่กรมบังคับคดี เวลาจะติดต่อ ยังต้องใช้วิธีส่งเอกสาร และปิดหมายไว้ที่บ้านเกิด โดยให้ญาติเป็นผู้เซ็นรับ และบอกข่าวต่อไปยังนางชม้อยอีกทอด” รองอธิบดี กระทรวงยุติธรรม ทิ้งท้าย.