สสส. และ สถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ ร่วมกับ กระทรวง ทส. เร่งดำเนินการ "โครงการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมองค์กรแห่งความสุข" เพื่อวางรากฐานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระยะยาว

นายสุจิตต์ ไตรพิทักษ์ ที่ปรึกษากรรมการบริหารแผน 4 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือโครงการเสริมสร้างสุขภาวะองค์กรภาครัฐ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในครั้งนี้ เป็นการขยายผลความสำเร็จต่อเนื่องหลังจากกระทรวงได้ดำเนินการครั้งแรกในปี 2556 และได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ จากการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่าง สสส. สถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ โดยมีเป้าหมายให้เกิดการเสริมสร้าง สุขภาวะองค์กรในระดับกระทรวง ครอบคลุมทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวง

สำหรับโครงการฯ ดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ สสส. ที่ต้องการส่งเสริม พร้อมสนับสนุนให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งจะต้องเริ่มตั้งแต่ การมีร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่แจ่มใส และสติปัญญาที่ดี อันจะนำไปสู่สุขภาวะสังคมในอนาคต ซึ่งการจะเริ่มสร้างสังคมให้มีความสุขนั้น ส่วนหนึ่งยังจะต้องเริ่มจากการสร้างความสุขในสถานที่ทำงาน หรือที่เรียกว่าสุขภาวะองค์กร ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่แนวทางภาคปฏิบัติร่วมกันได้ในองค์กรต่างๆ ทั้งหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรศาสนา ฯลฯ โดยทั้งหมดนี้จะต้องไปพร้อมกันทั้งองคาพยพ เพื่อนำไปสู่สุขภาวะสังคมและของประเทศชาติ ได้ในที่สุด

...

"สสส. ได้เข้ามาสนับสนุนทั้งด้านงบประมาณส่วนหนึ่งในระยะแรก และ เครื่องมือองค์ความรู้ โดยมีสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดำเนินการรวบรวมและเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องพร้อมสำรวจปัจจัยด้านต่างๆ ที่มีผลต่อการสร้างสุขภาวะองค์กร ผ่านดัชนีชี้วัดการประเมินสุขภาวะองค์กร HOA. (Healthy Organization Assessment) ตัวมาตรวัดคุณภาพชีวิตและการทำงานของบุคลากร" นายสุจิตต์ กล่าว

จากการดำเนินโครงการฯ ในครั้งนี้ สสส. ยังมุ่งมั่นให้โครงการฯดังกล่าวจะเป็นต้นแบบอันดีในการสร้างสุขภาวะองค์กรในระดับกระทรวง ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐที่จะต่อยอดไปยังแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีในการพัฒนาบุคลากร จากการบรรจุเรื่องนี้เข้าไปยังแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

นอกจากนี้ สสส. ยังคาดหวังในระยะยาวว่าหากสามารถสร้างสุขภาวะองค์กรได้อย่างถาวรแล้ว ข้าราชการและบุคลากรจะมีสุขภาวะทั้งร่างกาย จิตใจ ที่ดี นำไปสู่การทำงานด้านบริการราชการ ที่มีประสิทธิภาพด้วยความสุข และอาจจะส่งผลให้ปัญหาการคอรัปชั่นลดลงไปด้วย สุดท้ายส่งผลให้ประชาชนในประเทศมีความสุขตามมา

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เดินหน้าปั้นนักสร้างสุของค์กร

นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าการลงนามฯ โครงการเสริมสร้างสุขภาวะองค์กรในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จมาจากโครงการเสริมสร้างสุขภาวะองค์กรระดับหน่วยงาน

"สำนักงานปลัดกระทรวง" ซึ่งได้เริ่มขึ้นจากส่วนกลาง เป็นครั้งแรกในปี 2556 และขยายผลการจัดทำโครงการ/กิจกรรมย่อย ไปยังหน่วยงานในสังกัดระดับภูมิภาค 76 จังหวัดทั่วประเทศ ส่งผลให้บุคลากรในสำนักงานปลัดกระทรวง มีเครือข่ายในการประสานงาน การดำเนินงานมีความคล่องตัว รวดเร็ว มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และสามารถสร้างนักสร้างสุของค์กรให้เกิดขึ้นจริงจำนวนทั้งสิ้น 140 คน ต่อมาในปี 2560 กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ได้จัดทำโครงการสร้างเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานของกรมควบคุมมลพิษ (Happy WorkPlace@PCD) ซึ่งสามารถสร้างนักสร้างสุของค์กรให้เกิดขึ้นจริงจำนวนทั้งสิ้น 120 คน

สำหรับความร่วมมือล่าสุดในครั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำโครงการเสริมสร้างสุขภาวะองค์กรมาขยายผลการดำเนินกิจกรรมให้เกิดความต่อเนื่องในระดับกระทรวง โดยจะมีหน่วยงานในสังกัดระดับกรมทุกกรม จำนวน 10 กรม หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 3 หน่วยงาน และองค์การมหาชน จำนวน 2 หน่วยงาน มีจำนวนข้าราชการและบุคลากรทั้งสิ้น 41,414 คน

...

โดยวางแผนระยะเวลาในการดำเนินการโครงการฯ ประมาณ 2 ปี (พ.ศ.2562-2564) และคาดว่าจะสามารถสร้างนักสร้างสุของค์กรตัวคูณได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 คน เพื่อเป็นผู้นำในการเสริมทัพขับเคลื่อนแนวคิดการเสริมสร้างองค์กรสุขภาวะ เสริมสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานให้บุคลากรในหน่วยงาน

นายวิจารย์ กล่าวว่า ความท้าทายในการดำเนินกิจกรรมผ่านโครงการฯ ดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา คือ ความยากลำบากในช่วงเริ่มต้นกิจกรรม จากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปัญหาหลักด้าน 'การสร้างสมดุลชีวิตการทำงาน' แต่เมื่อนำกรอบแนวทางจากโครงการฯ มาใช้ พร้อมกับที่บุคลากรทุกฝ่าย ทุกหน่วยงาน ร่วมทำความเข้าใจและพร้อมใจร่วมมือกันในการสร้างความความสุขในสถานที่ทำงานร่วมกัน  จะส่งผลให้การดำเนินการโครงการฯ ในครั้งนี้ นำไปสู่สุขภาวะองค์กรได้อย่างยั่งยืน

ดร.ศิริเชษฐ์ สังขะมาน อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าสำหรับโครงการฯ ในครั้งนี้ สสส.และสถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ ได้นำผลการศึกษาและวิจัยเพื่อพัฒนาสู่แนวทางปฏิบัติ (โมเดล) สร้างสุขภาวะองค์กรภายใต้สูตร "5-4-3" มาร่วมใช้ในกิจกรรมสร้างสุขภาวะองค์กรกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุสู่ต้นแบบสุขภาวะองค์กร (Healthy Organization) ระดับประเทศได้อย่างเหมาะสมในเวลานี้

...

ขณะที่โมเดล "5-4-3" จะประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ดังนี้ ในขั้นแรกหลัก '5 ส.' ประกอบด้วย 1. สถานการณ์ ที่ควรศึกษาสำรวจวิเคราะห์ข้อมูล เข้าใจความต้องการบุคลากรและปัญหาในองค์กร คือการเข้าใจโจทย์ 2. สร้างแกนนำขับเคลื่อน ต้องมีเครือข่ายและบุคลากรที่ดำเนินการเตรียมแผนในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ คือ มีฟันเฟืองตัวเล็กๆ ค่อยๆ ขยับไปสู่วงใหญ่ 3. สนับสนุนพื้นที่คิด เครื่องมือทำ ทำให้เกิดกลุ่มชมรม เปิดทางเลือกที่หลากหลายตามความต้องการและงบประมาณที่มี 4. ส่งเสริมสู่การปฏิบัติภายในให้เกิดนโยบาย อาจมีคำสั่งเพื่อให้เกิดการผลักดันที่เป็นรูปธรรม หรือแต่งตั้งกรรมการให้ขยับช่วยกันทำ และ 5. สื่อสาร เพื่อนำเสนอ เผยแพร่ สร้างความเข้าใจ ตระหนักรู้และบอกเล่าความสำเร็จเป็นระยะๆ ทั้งในระดับบุคลากรและระดับผู้บริหาร

จากนั้นเมื่อรู้สถานการณ์ เข้าใจประเด็นแล้ว ให้เริ่มบริหารจัดการโดยเข้าสู่กระบวนการ '4 ต.' ประกอบด้วย 1. การติดตั้งความรู้ การใช้เครื่องมือ อบรมและฝึกทักษะปรับสู่คุณลักษณะและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ให้กับบุคลากรทุกระดับและแกนนำที่เรียกว่านักสร้างสุของค์กร (นสอ.) 2. การติดตามเพื่อบ่มเพาะ(Nursing) ภาคีในการดำเนินงาน เน้นการตรวจเยี่ยมให้การปรึกษาคำแนะนำ เพื่อลดหรือแก้ปัญหา 3. การเติมเต็มสิ่งที่ยังขาดด้วยวิธีการโค้ช (Coaching) ร่วมถอดบทเรียนความสำเร็จ และ 4. การต่อยอด คือการยกระดับสู่การเป็นองค์กรสุขภาวะต้นแบบที่มีมาตรฐาน เกิดเป็นศูนย์เรียนรู้และนวัตกรรมนำสู่องค์กรสุขภาวะต่อไป

...

โดยเป้าหมายสุดท้ายที่เป็นความสำเร็จ จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1. สู่องค์กรสุขภาวะอย่างถาวร (Change for Good) 2. สู่การบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรภาครัฐกับหน่วยงานกำกับนโยบาย (Network Integration) และสุดท้าย 3. สู่นโยบายระดับชาติ (National Agenda) มีแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว

สำหรับระยะเวลาดำเนินการเพื่อให้บรรลุผลเป็นไปตามเป้าหมายโครงการฯ คาดใช้ระยะเวลา 2-3 ปี โดยนับจากวันเริ่มนำโครงการฯ เข้าสู่แผนเชิงปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งยังจะมาจากความร่วมมือของข้าราชการและบุคลากรหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ อย่างพร้อมเพรียง ด้วยองคาพยพในการร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของภาครัฐจะเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ จะต้องใช้องค์ประกอบแห่งความสำเร็จร่วมกัน คือ “เรา” ทุกคน เริ่มตั้งแต่ ตัวองค์กร ต้องตระหนักร่วมถึงความสำคัญของคุณภาพชีวิตในการทำงานของบุคลากร ตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงระดับผู้ปฏิบัติงาน มองเห็นว่าเป็นการร่วมเสริมสร้างความสุข ในการใช้ชีวิตร่วมกันในการทำงานของทุกคน สร้างบุคลากรที่ดี สร้างที่ทำงานที่ดี สร้างครอบครัวที่ดี และสังคมที่ดี เกิดความรู้สึกของการเป็นเจ้าขององค์กรแห่งความสุขนั้นร่วมกันเพื่อนำไปสู่วัฒนธรรมองค์กรในอนาคต

พร้อมกันนี้ สสส. ผู้ซึ่งมีองค์ความรู้ ชุดประสบการณ์ ก็จะได้เข้ามาส่งเสริมช่วยสร้างความตระหนักรู้ถึงเรื่องดังกล่าวนั้น ให้ขับเคลื่อนไปได้อย่างแท้จริง และสุดท้ายองค์ประกอบที่เป็นจุดจัดการซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้ช่วยให้คำปรึกษา สร้างเครือข่ายคอยเชื่อมโยงกระบวนการทำงานระหว่างองค์กรผู้รับทุน และ สสส. อันได้แก่ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีประสบการณ์ในการร่วมจัดการองค์กรสุขภาวะ ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 60 ส่วนราชการระดับกรม ให้เกิดพลังในการร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตในการทำงาน ภาครัฐอย่างยั่งยืน ท้ายสุดย่อมส่งผลไปสู่การพัฒนาประเทศ เพื่อคนไทยในภาพรวม