บิลลี่ พอละจี...กลายเป็นชื่อของชายผู้หนึ่งที่จากลาโลกอันแสนวุ่นวายนี้ไปตลอดกาล ภายหลังจากที่เขาหายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2557 หรือนับเป็นเวลากว่า 5 ปีที่ภรรยาและลูกของเขาอีก 5 คน เฝ้ารอการกลับมาของผู้นำครอบครัวอย่างมีความหวัง...

  • ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2554 เกิดความขัดแย้งขึ้นบนผืนป่าแก่งกระจาน เมื่อชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยบน และใจแผ่นดินกว่า 20 ครอบครัว เข้าร้องเรียนต่อสภาทนายความว่า ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเผาบ้านและยุ้งข้าวจนเสียหาย

  • เรื่องนี้นำไปสู่การฟ้องร้องคดีในศาลปกครอง ทั้งความผิดทางแพ่ง และความผิดทางปกครอง ต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

  • บิลลี่เป็นผู้ประสานงาน และเดินเรื่องรวบรวมพยานหลักฐานของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่

  • แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย และสมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

  • เบาะแสสุดท้ายที่มีคนเห็นคือ บิลลี่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีเหลือง ออกจากบ้านพักตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2557 เดินทางเข้ามาในอำเภอแก่งกระจาน

  • น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ ขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานปล่อยตัวบิลลี่ออกมา

  • โดยให้เหตุผลว่า เชื่อว่าสามียังมีชีวิตอยู่ และเชื่อว่านายบิลลี่ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยาน แม้จะอ้างว่าปล่อยตัวมาแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ จึงเชื่อว่าบิลลี่ยังถูกควบคุมตัวไว้ และยังไม่ได้ปล่อยตัวออกมา จึงขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน



  • น.ส.พิณนภา ผู้เป็นภรรยา ยังระบุอีกว่า บิลลี่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีที่ชาวกะเหรี่ยงฟ้องร้องเจ้าหน้าที่อุทยาน และต้องเป็นพยานในศาล ดังนั้น การที่บิลลี่มีความสำคัญในคดี เธอจึงเป็นห่วงถึงความปลอดภัย ขณะที่ศาลก็รับคำร้องและให้สอบพยาน

  • ระหว่างที่รอการพิจารณาจากศาล หลักฐานและข้อสังเกตเกี่ยวกับคดีบิลลี่ก็มีเพิ่มมากขึ้น

  • เมื่อนายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ เปิดเผยว่า ได้รับ "ภาพลับ" ที่ถ่ายโดยนายพอละจีเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่บ้าน และได้รับมาจาก น.ส.พิณนภา ภรรยานายพอละจี เป็นทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ใช้เลื่อยยนต์ตัดไม้

  • หลังภาพลับปรากฏ นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (เพชรบุรี) ตั้งกรรมการตรวจสอบทันที

    น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ
    น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ "มุนอ" ภรรยาของบิลลี่


  • โดยนายสรัชชา ระบุว่า เบื้องต้นตนได้เห็นภาพดังกล่าวแล้ว ซึ่งคนที่แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ นั้นตนมั่นใจว่าไม่ใช่ชาวบ้าน ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ อย่างแน่นอน เพราะเครื่องแบบชุดสีน้ำตาลแขนยาว ด้านหลังระบุกรมอุทยานฯ เป็นเครื่องแบบที่แจกให้เจ้าหน้าที่ใช้ในกรณีเข้าช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดเหตุการณ์ปัญหาสำคัญหรือเกิดภัยพิบัติ ส่วนอีกชุดเป็นชุดลายพราง ทั้ง 2 ชุดเป็นชุดของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ไม่ใช่ชุดที่แจกจ่ายให้กับชาวบ้านได้ง่ายๆ

  • ส่วน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ตำแหน่ง ณ ขณะนั้น) ยอมรับว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 เขาควบคุมตัวบิลลี่เอาไว้ เพราะพบว่าลักลอบขนน้ำผึ้งป่ามา 6 ขวด แต่สุดท้ายก็ปล่อยตัวไป เพราะเห็นว่ามีของกลางเพียงน้อยนิด แต่ก็ว่ากล่าวตักเตือนไป

  • โดยย้อนถึงเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า ช่วงเวลาดังกล่าวได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เขาพะเนินทุ่ง ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยมีเจ้าหน้าที่และนักศึกษาฝึกงานเดินทางไปด้วย

    นายชัยวัฒน์ และนักศึกษาฝึกงาน
    นายชัยวัฒน์ และนักศึกษาฝึกงาน


  • ระหว่างเดินทางกลับได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าว่ามีการจับกุมผู้ลักลอบขนน้ำผึ้งป่า โดยสามารถควบคุมตัวได้ที่หน่วยพิทักษ์ป่ามะเร็ว จึงเดินทางไปที่ดังกล่าวทันที

  • เมื่อไปถึงหน่วยพิทักษ์ป่ามะเร็ว ช่วงเวลาไม่ถึง 17.00 น. ก็พบผู้ต้องหาคือนายบิลลี่ พร้อมขวดน้ำผึ้งในถุงปุ๋ยประมาณ 6 ขวด พร้อมรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาอีก 1 คัน

  • ตอนนั้นฝนทำท่าจะตก จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่นำรถจักรยานยนต์ของบิลลี่ขึ้นรถกระบะ พร้อมนำตัวบิลลี่ขึ้นรถที่ตัวเองนั่งมา แล้วให้นักศึกษาฝึกงานอีก 2 คนที่นั่งมาด้วยเปลี่ยนไปนั่งรถกระบะของเจ้าหน้าที่อุทยานที่ตามมา โดยคันที่ตนนั่งมานอกจากตนและบิลลี่ยังมีเจ้าหน้าที่ 2 คนทำหน้าที่เป็นคนขับ ส่วนอีกคนนั่งหลังกระบะจับรถจักรยานยนต์



  • ระหว่างทางพูดคุยสอบถามบิลลี่มาตลอด พร้อมด่า ต่อว่าผู้ต้องหา เพราะในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ทำไมไม่ช่วยกันดูแลทรัพยากรป่าไม้ การขนน้ำผึ้งออกมาเช่นนี้ผิดกฎหมาย

  • ขณะที่บิลลี่เองก็บอกว่า เอามาเพียง 6 ขวด ไม่ได้ลักลอบนำไปขาย จึงถามว่าแล้วในกระเป๋ามีอะไร บิลลี่ก็ตอบว่าเป็นเสื้อผ้า โดยก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ตรวจค้น เพราะเห็นว่าฝนจะตก จึงคิดว่าของในกระเป๋าเป็นน้ำผึ้งทั้งหมด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่ามีน้ำผึ้งจำนวนมาก แต่เมื่อทราบว่าเป็นเสื้อผ้าจึงให้เจ้าหน้าที่หยุดรถที่ใกล้แยกบ้านหนองมะค่า แล้วตรวจสอบ เมื่อพบว่าเป็นเสื้อผ้าจริงจึงปล่อยตัวไป ซึ่งช่วงนั้นเวลาประมาณหลัง 5 โมงเย็นเล็กน้อย

  • "แค่น้ำผึ้ง 5-6 ขวดจะหาว่าผมทำให้คนหายไปก็เกินเลยไป ส่วนตัวแม้รู้จักกับบิลลี่ แต่ก็ไม่เคยพูดคุยกับเขา ไม่รู้ด้วยว่าบิลลี่ทำเรื่องยื่นฟ้องอุทยาน ดังนั้น การหายตัวไปของบิลลี่จะกล่าวหาอุทยานก็ไม่เป็นธรรม การหายตัวของบิลลี่พร้อมมอเตอร์ไซค์ในช่วงกระชั้น คนทำมันต้องเสกได้เท่านั้น เรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลังที่ต้องการย้ายผมออกจากพื้นที่" นายชัยวัฒน์ ยินยันความบริสุทธิ์

    เครือข่ายชนเผ่าฯ หารือการหายตัว
    เครือข่ายชนเผ่าฯ หารือการหายตัว "บิลลี่" พร้อมทำพิธีขอพรให้ปลอดภัย


  • สุดท้ายอธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ต้องเซ็นคำสั่งย้ายชัยวัฒน์เข้ามาประจำกรมจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.2557

  • ศาลฎีกา มีคำสั่งให้ยกคำร้องคดีการหายตัวปริศนาของบิลลี่ โดยพิเคราะห์แล้วสรุปว่า ผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐาน ทำให้ศาลเชื่อได้ว่าเหยื่อถูกควบคุมตัวจริง เลยให้ยกคำร้อง

  • หลังฟังคำสั่งศาลฎีกา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า ดีใจที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของตน แต่ถูกหลายฝ่ายที่สูญเสียผลประโยชน์คอยกลั่นแกล้งเพื่อต้องการให้ย้ายออกจากพื้นที่ จากนี้ไปจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เพราะบางกลุ่มมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อป้ายสีตนมาตลอด

  • 4 ส.ค.2558 ครอบครัวของบิลลี่ได้ไปยื่นคำร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อขอให้เป็นคดีพิเศษ และเชื่อว่า คดีนี้น่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้น



  • 3 ก.ย.2562 ดีเอสไอ ติดตามสืบสวนจนพบว่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี

  • ดีเอสไอ เห็นว่า พฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายที่กระทำผิดครั้งนี้เข้าข่ายลักษณะเป็นการฆาตกรรมโดยทรมาน ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งรัดสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มองค์กรที่กระทำความผิดโดยเร็ว

  • 4 ก.ย.2562(วันนี้) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) 9 อุบลราชธานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ขอให้ทุกคนคิดเอาเองแบบพื้นๆ เลยว่า หากตัวเองได้กระทำผิดร้ายแรงแบบนั้นจริงๆ การเอาศพไปทิ้งไว้ในพื้นที่แบบนั้นซึ่งเป็นที่ที่อยู่ใกล้ตัว แล้วใครจะกล้าทำ ต่อให้ยิ่งใหญ่จากไหนก็ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้

  • “ที่ผ่านมาผมก็พิสูจน์มาแล้วว่า ผมไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เรื่องหนึ่งที่ขอตั้งข้อสังเกตก็คือ บริเวณสะพานที่ทางดีเอสไออ้างว่าเจอกระดูกนั้นเป็นบริเวณที่ชาวกะเหรี่ยงบางกลอยจะเอากระดูกของคนตายมาลอยอังคารกันอยู่แล้ว” นายชัยวัฒน์ กล่าว.

...