แปลกแต่จริง สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยมายาวนาน และมีการเปิดเผย แสดงตัวชัดเจนกับ "วัฒนธรรมการดื่มน้ำฉี่ หรือปัสสาวะของตัวเอง" ถึงแม้คนหลายกลุ่มจะรู้สึก "ไม่เห็นด้วย" เพราะเหตุผลนานัปการ แต่คนที่ "ยึดถือปฏิบัติ" ก็ยังดื่มอย่างต่อเนื่องด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ จนกระทั่งล่าสุด มีร้านก๋วยเตี๋ยวเผยสูตรเด็ด นำปัสสาวะมาผสมลงในหม้อน้ำซุปอ้างว่าทำให้สุขภาพแข็งแรงรักษาโรคได้
"ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" เปิดข้อมูลความเชื่อแต่โบราณ ที่บันทึกรายละเอียดเอาไว้ ว่ากันว่ามีการจารึกประวัติศาสตร์ไว้ นับย้อนหลังนานนับพันปี ในต่างประเทศมีการใช้น้ำปัสสาวะเด็กมาทำเป็นยารักษาโรค โดยในสมัยพุทธกาล พระภิกษุก็มีการใช้น้ำปัสสาวะ ดอง ลูกสมอหรือมะขามป้อมไว้ฉันเป็นยารักษาโรคด้วย
ว่ากันว่าปัสสาวะ รักษาให้หายหลายโรค
ว่ากันว่า นี่คือเรื่องจริงซึ่งมีการระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ในสารานุกรมถูกตีพิมพ์ในประเทศเยอรมนีเมื่อปี 2390 การันตีถึงสูตรยาผสมน้ำปัสสาวะ สามารถใช้ทารักษาอาการผมร่วง ใช้หยอดตารักษาอาการเจ็บตา ใช้กลั้วคอแก้อาการเจ็บคอ ใช้ดื่มรักษาโรคดีซ่าน ฯลฯ ประจวบเหมาะกับความเชื่อของคนไทยแต่โบราณ ที่ยึดถือปฏิบัติในคนบางกลุ่ม เช่น การใช้ผ้าอ้อมชุบน้ำปัสสาวะเด็กแล้วกวาดลิ้นเด็กเพื่อแก้อาการฝ้าขาว, ใช้น้ำปัสสาวะทาหรือปัสสาวะรดบริเวณแผลที่ถูกแมลงต่อย เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน เป็นต้น
เวลาผ่านเลยไป ความเชื่อต่างๆ ก็ค่อยๆ เลือนหาย พร้อมเหตุผลข้อหักล้างตามความก้าวไกลของเทคโนโลยี คนรุ่นใหม่และแพทย์แผนปัจจุบันออกมาค้านหัวชนฝา ฟันธงว่าความเชื่อที่มีมาแต่โบราณเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะปัสสาวะถือเป็นสิ่งสกปรกไม่ควรนำมาใช้เป็นยารักษาโรคใดๆ ตรงกันข้าม กลับเป็นแหล่งผลิตเชื้อโรคในร่างกายด้วยซ้ำ
...
กระนั้นก็ตามที ย้อนไปเมื่อปี การดื่มน้ำปัสสาวะยังมีการนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนที่ใช้ความเชื่อนำทาง แม้กระทั่ง นายโมราลจี เดซาย อดีตนายกรัฐมนตรีชาวอินเดีย ได้ออกมาเปิดเผยดื่มน้ำปัสสาวะบำรุงสุขภาพ มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เช่นเดียวกับญาติพี่น้องก็ปฏิบัติไปในแบบเดียวกัน ด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้อายุยืนยาวสุขภาพแข็งแรง
"ชาวสันติอโศก" ดื่มน้ำปัสสาวะเพื่อบำบัดรักษาโรค
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกพันธมิตรฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นคณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เคยให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กของตนเองว่า เป็นที่ทราบกันดี เรื่องที่ชาวสันติอโศกจำนวนไม่น้อยดื่มน้ำปัสสาวะเพื่อบำบัดรักษาโรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความศรัทธาต่อนิสัย 4 ของพระสงฆ์ตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล ซึ่งพระพุทธองค์ได้กล่าวถึงการใช้น้ำมูตรเน่าเป็นยาปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกกระจัดกระจายหลายเล่ม และมีพระสงฆ์สายวัดป่าหลายรูปที่ฉันน้ำมูตรเน่า (น้ำปัสสาวะ) เป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี เช่น พระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ วัดวรแก้ว จ.พระนครศรีอยุธยา, พระอาจารย์มิตซูโอะ, หลวงพ่อชา, หลวงปู่โง่น โสรโย, หลวงพ่อยา ฯลฯ
"คุณสนธิเคยดื่มช่วงสั้นๆ เมื่อหลวงพ่อยาแนะนำให้คุณสนธิดื่มน้ำมูตรเน่าเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี รอบนี้คุณสนธิกลับมาดื่มอีกครั้งหลังอย่างเอาจริงเอาจัง หลังจากได้ข้อมูลและเหตุผลทาง "วิทยาศาสตร์" เพิ่มมากขึ้น โดยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่คุณสนธิได้ข้อมูลมานั้นมีหลายประการแต่กล่าวโดยสรุปคือ
1. ปัสสาวะคือส่วนเกินของน้ำที่ไม่ได้ใช้ผลิตมาเป็นเลือด ดังนั้นปัสสาวะคือส่วนจำลองของเลือดเพียงแต่เจือจางกว่าเลือด จึงย่อมไม่ใช่ของเสีย(ต่างจากอุจจาระ) เพราะหากปัสสาวะเป็นของเสียเลือดที่อยู่ในร่างกายเรายิ่งเป็นของเสียยิ่งกว่า
2. องค์ประกอบของปัสสาวะส่วนใหญ่เป็นน้ำ ที่เหลือมีฮอร์โมน เอนไซม์ แร่ และสารอาหาร ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น เอนไซม์ยูโรไคเนส ช่วยละลายลิ่มเลือด, โพรทาแกลนดิน ฮอร์โมนประจำเนื้อเยื่อควบคุมการอักเสบ, อินเตอร์เฟอรอนเป็นสารต้านทานโรคโดยตรงและต้านมะเร็ง, อดิไนเลทไซคลาส เป็นสารประสานการทำงานของฮอร์โมนให้มีประสิทธิภาพ, ฮอร์โมนเพศ, ฮอร์โมนอินซูลิน ช่วยตับอ่อนทำงานจึงช่วยเบาหวาน เมื่อทำงานกับฮอร์โมนเพศจะทำให้ผิวพรรณดี, ฮอร์โมนเมลาโทนิน(พบในปัสสาวะตอนเช้า)ทำให้จิตใจสงบ แจ่มใส และมีสมาธิดี, โกรทฮอร์โมน ช่วยซ่อมแซมอวัยวะที่สึกหรอ
...
นอกจากนี้ยังได้รับสารอาหารหลายชนิด เช่น แคลเซียม รักษาโรคนอนไม่หลับและโรคกระดูก, แมกนีเซียม รักษาภาวะน้ำตาลเลือดสูง, ฟอสฟอรัส ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง, ทองแดง รักษาโรคโลหิตจาง, สังกะสี รักษาโรคตับ เด็กที่เติบโตช้า และโรคต่อมลูกหมาก, ไอโอดีน รักษาโรคประสาท อาการกระสับกระส่าย ผมหงอกเร็ว ผมร่วง หนังศีรษะผื่นคัน ผิวหนังผื่นคัน, เหล็ก รักษาโรคโลหิตจาง แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงเลือด, โพแทสเซียม รักษาท้องผูก รักษาสิว ช่วยกล้ามเนื้อแข็งแรง
3. น้ำปัสสาวะ ได้จำลองมาจากสภาวะเลือดในร่างกาย เลือดจะต้องผ่านการกรองไต เพื่อเอาส่วนเกินและพิษออกจากกระแสเลือด ส่วนเกินเหล่านี้มีทั้งธาตุ สารอินทรีย์ ฮอร์โมนทั้งหลายออกมาด้วย เพราะร่างกายจะใช้สาร แร่ธาตุ ตามความจำเป็น ส่วนไหนที่ยังไม่ต้องการใช้ก็จะกลายเป็นส่วนเกิน และแน่นอนว่าในปัสสาวะย่อมต้องมีโรคหลายชนิดและพิษต่างๆ ออกมาจากร่างกายเราด้วย แต่โรคและพิษเหล่านั้นก็เจือจางและน้อยกว่าเลือด ดังนั้นเมื่อเราดื่มน้ำปัสสาวะเข้าไปสู่ร่างกาย จึงทำให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายตื่นตัวขึ้นมา
เม็ดเลือดขาวก็ทำงานขจัดโรคและพิษที่เจือจางกว่านั้นได้ ทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายเราด้วยตัวเอง สร้างเม็ดเลือดแดงและขาวเพิ่มขึ้น และเมื่อเกิดภูมิคุ้มกันที่เรียนรู้ขจัดโรคที่เจือจางกว่าร่างกายเราแล้ว ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นจากการเรียนรู้นี้จึงสามารถขจัดโรคเดียวกันในร่างกายเราที่เหลือได้เช่นกัน เป็นหลักการที่ทางการแพทย์สมัยใหม่ และแพทย์ทางเลือกพยายามศึกษาเพื่อนำมาใช้เยียวยารักษา และป้องกันโรคต่างๆ ที่เรียกกันว่า "เซรุ่ม" "พิษต้านพิษ" "วัคซีน" และ "โฮมิโอพาธี" ที่สำคัญคนที่คุณสนธิรู้จักหลายคนได้หายจากการเจ็บป่วยจากการดื่มปัสสาวะมากขึ้นทุกวัน เช่น ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเกาต์ โรคภูมิแพ้ โรคไมเกรน ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไปรักษาสุขภาพตามธรรมชาติบำบัดของ "หมอเขียว" แห่งสันติอโศก
...
น้ำปัสสาวะของใครของมัน ดื่มของคนอื่นไม่ได้
นายปานเทพ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของความเชื่อ ยังไม่มีการพิสูจน์วิจัยโดยตรงจากแพทย์แผนปัจจุบัน อย่างที่บอกไปว่า ในประเทศอินเดีย ประเทศจีน ประเทศเยอรมนี และประเทศญี่ปุ่น คนหลายกลุ่มก็นิยมดื่มน้ำปัสสาวะเพื่อสุขภาพกัน ถึงแม้ในประเทศจีนบางกลุ่มจะเชื่อว่าการดื่มน้ำปัสสาววะของเด็กจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ตามที่ได้ศึกษามามันไม่ใช่แบบนั้น ต้องดื่มปัสสาวะของใครของมัน ดื่มของคนอื่นไม่ได้
"โดยส่วนตัวไม่ขอตอบว่าตนเองได้ดื่มน้ำปัสสาวะหรือไม่ แต่แน่นอนว่าศึกษาเรื่องนี้มาตลอดและมีความเชื่อว่ามันเกิดผลดีกับร่างกายจริง ตามข้อมูลพระไตรพระไตรปิฎกที่ถูกบันทึกไว้ โดยการดื่มน้ำปัสสาวะมี 2 ทางคือ 1.ดื่มทางตรง คือดื่มน้ำปัสสาวะสดๆของตัวเอง และ 2.ดื่มผ่านการหมักสมอ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นความเชื่อและวิจรณญาณส่วนบุคคล แต่ยืนยันว่าต้องเป็นปัสสาวะของตนเอง ไม่ใช่ปัสสาวะของคนอื่นอย่างแน่นอน"
...
สนธิ ลิ้มทองกุล เคยยืนยัน ปัสสาวะรักษาโรคได้
นายสนธิ ลิ้มทองกุล เคยให้ข้อมูลสัมภาษณ์ไว้ด้วยตัวเองถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในหนึ่งอาทิตย์ จะดื่มน้ำปัสสาวะตอนเช้า 2-3 ครั้ง แต่ถ้าเป็นหวัดก็จะดื่มจิบน้ำปัสสาวะตลอดเวลา จะกลั้วคอด้วยน้ำปัสสาวะ และถ้าบนศีรษะมีตุ่มขึ้น ก็จะเอาน้ำปัสสาวะลูบไปบนศีรษะ และหมักให้หาย แต่ไม่ได้ดื่มถี่เหมือนเมื่อก่อน นอกจากนี้ยังรักษาสุขภาพด้วยการกินน้ำมันมะพร้าว ทุกเช้า 5 ช้อนโต๊ะ ตอนเย็น 3 ช้อนโต๊ะ ส่วนวันไหนอยากทานน้ำปัสสาวะก็จะทาน นอกจากนี้ยังแปรงฟันด้วยผงถ่านผงเกลือ จากนั้นก็จะใช้ยาสีฟันสูตรโบราณของหมอจุ๋ม หลังจากนั้นก็จะล้างหน้า เดินเข้าไปชั่งน้ำหนักทุกเช้า โดยน้ำหนักจะคงที่ แล้วก็จะมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์
ปัสสาวะบำบัด (Urine Therapy) โดยกองแพทย์ทางเลือก
Urine Therapy หรือการใช้ปัสสาวะของตัวเองเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค โดยไม่ใช้ยาและยังช่วยส่งเสริมสุขภาพด้วย ในเว็บไซต์กองแพทย์ทางเลือก ระบุไว้ชัดเจนว่า ตำราไทยโบราณหลายเล่มกล่าวถึงการใช้ปัสสาวะรักษาโรค พระไตรปิฎก เมื่อพันปีก่อนคริสต์ศักราช ในคัมภีร์พระเวทของฮินดู ถือว่าน้ำปัสสาวะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ดื่มแล้วจะเป็นน้ำอมฤต ในตำราการแพทย์จีน เขียนขึ้นช่วง พ.ศ.586-754 อ้างว่าปัสสาวะเป็นตัวละลายยาสมุนไพร ช่วยทำให้สมุนไพรมีสรรพคุณดียิ่งขึ้น พ.ศ.600 ปรินุส นักปราชญ์ชาวโรมัน แต่งตำราว่าด้วยปัสสาวะเป็นยารักษาพิษต่างๆ และใช้ประโยชน์ในการฟอกหนัง ย้อมสีผ้า พ.ศ.1782-1832 ญี่ปุ่นยุคอิมเป็ง ดื่มน้ำปัสสาวะในการรักษาโรค
"สุดารัตน์" เคยพูดเอง ปัสสาวะเป็นของเสีย ไม่สะอาดพอที่จะบริโภค
อย่างที่เกริ่นไปเบื้องต้นว่า เมื่อ 10 กว่าปีก่อน การดื่มปัสสาวะเข้ามาแพร่หลายมีบทบาทในเมืองไทย โดยการนำเสนอเรื่องราวของชาวสันติอโศก ที่พากันดื่มกันเพื่อรักษาโรค เสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ในวันนั้น "สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ขณะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมมาตรการอาหารปลอดภัยที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า
"เห็นข่าวมีผลการวิจัยว่ารักษาได้หลายโรคนั้น ได้สั่งการให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพไปตรวจสอบในเรื่องนี้ ซึ่งตามหลักวิชาการและสุขลักษณะโดยทั่วไป น้ำปัสสาวะถือเป็นของเสียที่ขับออกจากร่างกาย ไม่มีความสะอาดพอที่จะบริโภค จึงต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม การแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์ทางเลือกดีๆ ก็มีมาก ทาง สธ. พร้อมที่จะให้การสนับสนุน แต่การรักษาโรคบางอย่างที่ใส่ความเชื่อ ขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ต้องเข้าไปควบคุมตรวจสอบ ขอเตือนประชาชนอย่าเพิ่งหลงเชื่อ เพราะปัสสาวะเป็นของเสียของร่างกาย"
ถ้าปัสสาวะมีสรรพคุณทางยาจริง นักวิจัยคงผลิตเป็นยาเม็ดรักษาโรค
ในรอบวันที่ผ่านมา วิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล ปมเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว นำปัสสาวะตัวเองผสมในหม้อน้ำซุป ด้วยความเชื่อที่ว่า "ช่วยรักษาโรค" และบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ ล่าสุด ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ ได้โพสต์คลิปและข้อความผ่านเพจ "หมอแล็บแพนด้า" ระบุชัดเจนว่า เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจว่า การดื่มกิน และนำปัสสาวะมาทาใบหน้านั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะหากนำปัสสาวะมาสกัดจริงๆ จะพบว่ามีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์เพียงน้อยนิด ไม่ได้มีประโยชน์เทียบเท่าอาหารคำเดียวที่เรากินด้วยซ้ำ
"ซึ่งถ้าหากปัสสาวะมีสรรพคุณทางยาจริง นักวิจัยคงเอาไปผลิตเป็นยาเม็ดออกมารักษาโรคแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีการวิจัยเรื่องปัสสาวะออกมาแต่อย่างใด ดังนั้นหากใครที่มีฐาติหรือคนที่รู้จักเชื่อในเรื่องดังกล่าวอยู่ ก็ควรเตือนกันด้วย"
ดื่มปัสสาวะ เท่ากับกินของเสียในร่างกายเข้าไป เสี่ยงเป็นโรคติดต่อ
เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลกับทางทีมข่าวเจาะประเด็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า "การดื่มน้ำปัสสาวะตัวเองใช่ว่าจะปลอดภัยหรือรักษาโรคได้ เนื่องจากปัสสาวะคือของเสียที่ถูกขับออกมาจากร่างกาย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคไต หรือโรคหัวใจ ปัสสาวะก็จะถูกขับออกมาปะปนกับเชื้อโรคเหล่านั้น หากดื่มกินปัสสาวะตัวเองเข้าไปอีก นั่นหมายความว่ากำลังพยายามที่จะยัดเยียดของเสียที่ถูกกรองออกมาจากร่างกาย กลับเข้าไปสู่ร่างกายใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นผลดีแน่นอน"
ส่วนการดื่มปัสสาวะคนอื่น ยิ่งเป็นเรื่องที่อันตรายยิ่งไปกว่า เพราะหากบุคคลนั้นๆ เป็นโรคติดต่อ หรือโรคร้าย ผู้ที่ดื่มปัสสาวะจะได้รับเชื้อต่างๆ เข้าไปในร่างกายด้วยเช่นกัน และที่สำคัญที่สุด ยังไม่มีการยืนยันหรือวิจัยจากแพทย์ว่าน้ำปัสสาวะมีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือรักษาโรคต่างๆ ให้หายได้ อย่างสรรพคุณอวดอ้าง