ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก “เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ” อดีต รมช.ศึกษาธิการ 2 ปี คดี ฉ้อโกงเงินค่าสั่งซื้อปูนซีเมนต์บริษัทสัญชาติกัมพูชากว่า 11 ล้านบาท หลักฐานมัดเปลี่ยนแปลงข้อมูล ใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าใหม่ เป็นโอนเงินเข้าบัญชีสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีนที่ตัวเองเป็น นายกสมาคมฯ หลังจากนั้นโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง นอกจากถูกจำคุกแล้วยังต้องจ่ายเงินคืนบริษัทคู่กรณีทั้งหมดด้วย

ศาลจำคุกอดีต รมช.ข้อหาฉ้อโกงรายนี้ เปิดเผยขึ้นที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ก.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 และบริษัท บี.พี.ซี. เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) โจทก์ร่วมฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อายุ 72 ปี อดีต รมช. ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค.57 บริษัทบี.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) สั่งซื้อปูนซีเมนต์จากบริษัททีพีไอโพลีนพับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) ทำใบสั่งซื้อส่งอีเมล ขณะที่บริษัททีพีไอโพลีนฯออกหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าแจ้งให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯโอนเงินค่าสินค้า 352,781 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 11,428,308.40 บาท ผ่านบัญชีธนาคารทหารไทย จำกัด ของบริษัททีพีไอโพลีนฯ แต่ระหว่างวันที่ 6-9 พ.ค.57 จำเลย กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าใหม่เป็นว่า ให้บริษัทบี.พี.ซี.ฯโอนเงินค่าซื้อปูนซีเมนต์ เข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ชื่อบัญชี Thai and Chinese Bhuddhist Culture หรือสมาคมวัฒนธรรม วิถีพุทธไทย-จีน ที่มีจำเลยเป็นนายกสมาคมฯโดยทุจริต ทำให้บริษัทบี.พี.ซี.ฯหลงเชื่อว่า เป็นบัญชีของบริษัททีพีไอโพลีนฯ ผู้เสียหายที่ 2 ก่อนโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยกับพวก ต่อมาจำเลยโอนเงินเข้าบัญชีของตัวเอง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ย.59 ลงโทษจำคุกนายเชาวรินธร์ 1 ปี 6 เดือน ให้คืนเงิน 11,428,308.40 บาทแก่บริษัทบี.พี.ซี.ฯโจทก์ร่วม

...

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.60 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกนายเชาวรินธร์ 3 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี และให้คืนเงิน 11,428,308.40 บาท แก่บริษัทบี.พี.ซี.ฯโจทก์ร่วม จำเลยยื่นฎีกา และศาลอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกาสู้คดี วันนี้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์เดินทางมาศาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีครอบครัวมาให้กำลังใจ

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อต่อสู้ของจำเลยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทบี.พี.ซี.ฯเป็นผู้เสียหายในคดี เพราะโอนเงินเข้าบัญชีที่จำเลยแจ้ง และที่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นกรณีฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้ว ฎีกาของจำเลยไม่อาจทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนจำคุกจำเลย 2 ปีตามศาลอุทธรณ์ และให้คืนเงินจำนวน 11,428,308.40 บาทแก่บริษัทโจทก์ร่วม

หลังศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว ร.ต.ท.เชาวรินธร์ไปยังห้องควบคุมตัว ผู้ต้องขังชั้นล่างของศาลอาญา ก่อนคุมตัวขึ้นรถเรือนจำนำไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป