สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ชู งานวิจัยพัฒนาด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ภาชนะไบโอพลาสติกทนความร้อน

สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ได้จัดเสวนาในหัวข้อ สิ่งแวดล้อมไทย... ใครคือ “HERO” ที่อาคารอุทยานนวัตกรรม สํานักงานวัตกรรมแห่งชาติ มีผู้ ร่วมเสวนา ดังนี้ นพ. วีรฉัตร กิตติรัตน์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อ สิ่งแวดล้อม จํากัด(มหาชน) ดร.เกศินี เหมวิเชียร นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชํานาญการพิเศษ จาก สทน. และคุณเข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดงและผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Little Forest ปลูกป่า ปลูก คน ปลูกใจ และคุณวรวัฒน์ สภาวสุ ผู้แทนจากกลุ่ม Trash Hero Bangkok

ดร.พรเทพ นิศามณีพงษ์ ผู้อํานวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การ มหาชน) หรือ สทน. เปิดเผยว่า ในสายตาของประชนทั่วไปกิจกรรมใดที่เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ มักจะเป็นประเด็นที่ค่อนข้างอ่อนไหว และทําให้เกิดความตื่นตระหนกได้ง่าย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะดําเนินกิจกรรมในเรื่องใดๆ สิ่งที่ สทน. ให้ความสําคัญและระมัดระวังอย่างยิ่ง คือ จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อคนในชุมชน สังคม และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นนโยบายสําคัญที่ สทน. ถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี นับตั้งแต่เริ่มดําเนินกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ในประเทศไทย ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุข้ึนแม้แต่ครั้งเดียว สําหรับการนําเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม สทน. ดําเนินการในสองลักษณะ คือ การรักษาและพัฒนาสภาพของสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น และการตรวจและควบคุมปริมาณรังสีที่มีอยู่ในธรรมชาติให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อมนุษย์ เช่น การใช้รังสีแกมมาจากโคบอลต์-๖๐ ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ในน้ําทิ้ง จากชุมชนและโรงพยาบาลเพื่อป้องกันโรคระบาด นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยและพัฒนาอีกหลายด้าน ที่มีส่วนในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม สําหรับความรุนแรงของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นผลจากกิจกรรมของมนุษย์ และคนในสังคมนั้นก็ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ดังนั้น ทุกคน ทุกภาคส่วนจึงควรรับผิดชอบร่วมกัน ในส่วนภาคธุรกิจ หากต้องการดําเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคง และได้รับการยอมรับจากสังคม จะต้องมีบทบาทที่ ชัดเจนในการแสดงความรับผิดต่อสิ่งแวดล้อม

...

ดร. พิริยาธร สุวรรณมาลา ผู้อํานวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนานิวเคลียร์ สทน. กล่าวว่า จากความรุนแรงของปัญหาขยะล้นโลกได้ผลักดันให้มีการวิจัยและพัฒนาพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า ไบโอพลาสติก (Bioplastic) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผลิตขึ้นมาจากพืช ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ธรรมชาติ เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี มันเทศ มันฝรั่ง มันสําปะหลัง
แต่เนื่องจากข้อจํากัดในเรื่องการทนความร้อน และราคาที่สูงกว่าพลาสติกทั่วไป จึงทําให้การนําไปใช้งานยังคงอยู่ในวงจํากัด สทน. ได้ตระหนักถึงความสําคัญของปัญหานี้ จึงได้นํากระบวนการทางรังสีมาช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของพอลิเมอร์สังเคราะห์ ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ซึ่งปกติเมื่อได้รับความร้อนจะเริ่มมีการอ่อนตัวที่อุณหภูมิประมาณ 60-65 องศาเซลเซียส แต่เมื่อนําไปผ่านกระบวนการทางรังสีในสภาวะที่เหมาะสมจะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของพอลิเมอร์สังเคราะห์ให้สามารถคงรูป และใช้งานได้ที่อุณหภูมิสูงขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีพอลิเมอร์ธรรมชาติอีกหนึ่งชนิด คือ ไคโตซาน ที่ สทน. ได้นํากระบวนการทางรังสีมาทําให้โมเลกุลของไคโตซาน มีขนาดเล็กลง เพื่อใช้เร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการพัฒนาต่อยอดโดยนําไคโตซานมาผลิตเป็นเมล็ดบีดส์ เพื่อห่อหุ้มน้ํามันหอมระเหย ซึ่งข้อดีของไคโตซานคือ สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้หลายๆ ประเทศได้ทําการออกกฎเพื่อห้ามการผลิต เมล็ดบีดส์จากพอลิเมอร์สังเคราะห์ เนื่องจากเมล็ดบีดส์เหล่านี้ ไม่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ และกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศในทะเล

ขณะเดียวกัน ได้ขยายขอบเขตของการนําแป้งไปผสมกับพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ เพื่อขึ้นรูปเป็นถุงเพาะชําต้นกล้าที่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ (biodegradable nursery bag) รวมถึงกระถางเพาะชําต้นกล้าที่ย่อยลายได้ในธรรมชาติ (biodegradable nursery pot) ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบในภาคสนาม ในอนาคตบทบาทของ สทน.จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลงานวิจัยด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อช่วยเหลือในภาคเกษตรกรและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง