หมอแนะข้อพึงระวัง ก่อนตัดสินใจร้อยไหมหน้า อย่าเชื่อรีวิว ชอบของถูก หวั่นผลร้าย อันตรายตามมา ย้ำข้อเสียร้อยไหมทองคำ ผลลบในอนาคต

นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC หรือ AIC Clinic กล่าวว่า สาเหตุหลักบนใบหน้าที่ทำให้ผู้คนต้องหันไปพึ่งวิธีเสริมหรือศัลยกรรมความงาม เกิดจากใบหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย เกิดเหนียง รวมทั้งใบหน้าผิดสัดส่วน เนื่องมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจัยจากภายนอก รวมถึงการขาดการเอาใจใส่ในการดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมกันเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้คือ การร้อยไหม ที่ทำให้ใบหน้ากระชับ เรียวสวย ซึ่งเห็นผลเร็ว ส่วนใหญ่จะร้อยบริเวณที่เป็นกรอบหน้า ร่องแก้ม และมุมปาก

สำหรับการร้อยไหมในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการร้อยไหมละลาย เป็นไหมชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในการเย็บผนังเส้นเลือดหัวใจ มีปฏิกิริยาการอักเสบต่อผิวหนังน้อยมาก ที่นิยมทำกันมี 2 แบบ การร้อยไหมแบบกระตุ้นผิว เป็นไหมเป็นเส้นเล็ก ๆ เท่าเส้นผมของคนเรา เวลาทำจะใช้ประมาณ 100 เส้นขึ้นไป ซึ่งสานเป็นร่างแหเพื่อทำให้เกิดการยกกระชับของผิวหน้า

ส่วนอีกประเภทหนึ่ง การร้อยไหมแบบเกี่ยวผิว เป็นเทคนิคของยุโรปตะวันออก มีมานานกว่า 20-30 ปี โดยมีลักษณะเป็นไหมก้านใหญ่คล้ายเส้นเอ็นใหญ่แล้วมีแง่งเพื่อเกี่ยวกับผิวหน้า ใช้ข้างละประมาณ 4-6 เส้น โดยมีการเข้าใจว่าทำวิธีนี้เห็นผลเร็วและสามารถคงทนอยู่ได้หลายปี ซึ่งการใช้ไหมเส้นใหญ่ชนิดมีแง่งจะมีข้อเสียทำให้รอยยิ้มอาจไม่เป็นธรรมชาติ และเมื่อผ่านไป 4-5 เดือน แง่งที่เกี่ยวกับผิวหน้าจะค่อย ๆ ละลายและหลุดออก ทำให้ผิวหน้าคลายตัวลง กลับมาหย่อนคล้อยเหมือนเดิม แพทย์จึงต้องนัดให้มาทำใหม่อีกครั้ง โดยที่แกนก้านไหมเก่าที่มีขนาดใหญ่ยังคงอยู่ และเมื่อเวลาผ่านไปจะกลายเป็นพังผืดบนผิวชั้นบน ซึ่งหมอจะทำได้ยากขึ้น เพราะแนวเส้นประสาทหรือเส้นเลือดจะเปลี่ยนไปจากการดึงรั้งของพังผืด

...

นอกจากนี้ เมื่อในช่วง 10 ปีก่อน การร้อยไหมทองคำซึ่งมีราคาแพง เป็นที่นิยมกันมากโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งอาจไม่ได้มองถึงผลลบในอนาคต เช่น การทำ X-ray เพื่อดูกะโหลกศีรษะ ฟัน หรือขากรรไกร จะไม่สามารถอ่านฟิล์มได้ เพราะเส้นทองจะไปบังทำให้ฟิล์มเสีย หรือการเข้าเครื่องตรวจวินิจฉัยอย่าง MRI ซึ่งเป็นเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งจะต้องถอดโลหะในร่างกายออกทั้งหมด รวมทั้งทองคำซึ่งเป็นโลหะ เนื่องจากไหมทองที่อยู่ในผิวหน้าเกิดการเหนี่ยวนำทำให้หน้าไหม้

หมอแนะข้อระวังร้อยไหมหน้า อย่าเชื่อรีวิว จะเสียใจภายหลัง

“เส้นไหมทองเมื่ออยู่ในใบหน้านานๆ จะหักแหลกเป็นเส้นเล็กๆ จะเอาออกก็ไม่ได้ แล้วถ้าหากอักเสบ การรักษาก็ยากมาก อาจทำให้หน้าเป็นรอยบุ๋ม ผิดรูปทรงหรือสัดส่วนตามมาได้ นอกจากนี้สิ่งที่ต้องระวังให้มากคือ เส้นไหมปลอม และอีกประเภทหนึ่งคือการร้อยไหมที่ไม่ละลาย ซึ่งจะทำให้เกิดพังผืดบริเวณใบหน้า อีกทั้งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมสะสมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต 10-20 ปี อาจมีอันตรายได้ แต่ถ้าหากร้อยไหมด้วยโลหะไปแล้ว เช่น ทองคำ จำเป็นต้องทำ MRI Scan ก็ต้องบอกหมอหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะจะได้หาวิธีหลีกเลี่ยง”

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการจะรักษาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยด้วยวิธีการร้อยไหม ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ไม่แนะนำให้ดูจากรีวิวที่มีอยู่เกลื่อนโซเชียลมีเดีย เพราะส่วนใหญ่จะปรับแต่งเนื้อหาและรูปภาพให้เกินจริง รวมทั้งราคาที่ถูกมากจนไม่สมเหตุสมผล เพื่อเป็นการดึงดูดความน่าสนใจ ซึ่งมีผู้หลงเชื่อประสบปัญหามาแล้วหลายราย แนะนำให้เข้าไปดูงานวิจัยและผลงานของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศในอินเทอร์เน็ตที่มีมากมาย แต่อาจมีข้อจำกัดเพราะส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ

นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดด้านสุขภาพของผู้ที่จะทำการร้อยไหม เช่น ห้ามผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ตนเอง (SLE) และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวมถึงการศึกษาผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นด้วย เช่น รอยเขียวช้ำหรืออาการบวมหลังจากการรักษา เป็นต้น อยากฝากถึงแพทย์ความงามและบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้นึกถึงความปลอดภัยและผลประโยชน์อย่างแท้จริงที่คนไข้จะได้รับ และต้องมองถึงผลระยะยาวด้วย รวมทั้งการแก้ไขและการรักษาหากมีปัญหาในอนาคต อย่างกรณีการร้อยไหม โดยเฉพาะเส้นไหมที่ไม่ละลาย หรือละลายได้ไม่หมด ว่าหากร้อยเข้าใต้ผิวแล้ว หากเกิดปัญหาสามารถเอาออกให้คนไข้ได้อย่างปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงหรือไม่

“ในอนาคตการร้อยไหมก็ยังคงได้รับความนิยม โดยมีนวัตกรรมทันสมัยมาตอบโจทย์ความต้องการมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการผสมผสานกับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ แต่คงไม่ใช่เป็นการใช้หุ่นยนต์หรือเอไอ เพราะการร้อยไหมเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ฝีมือของมนุษย์เรา เนื่องจากคนไข้แต่ละคนการรักษาจะแตกต่างกันออกไป รวมทั้งตัวแพทย์เองนอกจากต้องมีความรู้ทางด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงแล้ว ยังต้องมีความรู้ด้านศิลปะ ตลอดจนจริยธรรม คุณธรรม เคียงคู่อีกด้วย”

...