ไทยมีปัญหาผลผลิตปาล์มดิบมาตลอด ทั้งผลผลิตออกน้อย และล้นตลาดจนราคาตกต่ำ หากย้อนไปตั้งแต่ปลายปี 2553 ต่อเนื่องมาต้นปี 2554 ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่คนไทยเข้าคิวแถวยาว แย่งซื้อน้ำมันปาล์มขวด ซึ่งกำลังขาดตลาด ปรับขึ้นอย่างน่าตกใจจากขวดละ 38 บาท เป็น 47 บาท เนื่องจากผลผลิตปาล์มดิบขณะนั้นออกมาน้อย จากภัยแล้ง
แต่หลังจากนั้นกลับตาลปัตร ราคาผลปาล์มทยอยร่วงลงต่ำ จากราคากิโลกรัมละไม่ถึง 3 บาท เนื่องจากรัฐบาลมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อตรึงราคาน้ำมันปาล์มขวดขนาด 1 ลิตร ไว้ที่ราคา 42 บาท กระทั่งปัจจุบันราคาไม่กระเตื้องขึ้น เหลือแค่กิโลกรัมละบาทกว่า โดยรัฐบาลพยายามออกมาตรการมาแก้ไขพยุงราคา นำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน
จนล่าสุดได้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม เมื่อกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน มีคำสั่งไปยังห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ยกเลิกทำโปรโมชั่นน้ำมันปาล์มขวดสำหรับการบริโภค ในราคาขวดละ 24-25 บาท มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. ให้ขายในราคาปกติขวดละ 34-36 บาท เพื่อแก้ปัญหาผลปาล์มราคาตกต่ำ ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น ขวดละเกือบ 10 บาท จนผู้บริโภคตั้งตัวไม่ติด โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออกมาโอดครวญ เกรงว่าจะกระทบต่อต้นทุน นำไปสู่การตั้งคำถามเป็นการแก้ปัญหาถูกจุดหรือไม่ หรือมีใครได้ประโยชน์จากนโยบายนี้หรือไม่
...
นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวกับ"ทีมเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า เป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ทำให้นายทุนได้กำไร เพราะราคาผลปาล์มยังไม่กระเตื้องขึ้น ยังราคากิโลกรัมละ 3.20 บาท ซึ่งถามว่ารัฐบาลกล้าหรือไม่ในการบังคับขึ้นราคารับซื้อผลปาล์มมาเป็นกิโลกรัมละ 5.16 บาท เมื่อเทียบกับน้ำมันปาล์มขนาดขวดลิตร ซึ่งใช้ผลปาล์มในปริมาณ 6 กิโลกรัม ดังนั้นเมื่อปรับขึ้น 10 บาท ต้องบวกเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 1.66 บาท มาเป็น 5.16 บาท
“อีกทั้งขณะนี้ผลผลิตปาล์มเริ่มหมดจากตลาด ยิ่งทำให้นายทุนได้ประโยชน์ เพราะก่อนหน้าเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วซื้อปาล์มในราคาบาทกว่า ซึ่งตลอด 40-50 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาปาล์มมาตลอด อย่ามาอ้างนโยบายรัฐบาล เมื่อก่อนน้ำมันปาล์มขวดละ 24 บาท อาจได้กำไรน้อย แต่พอขึ้นราคา 10 บาท ผู้บริโภคเดือดร้อนมาก มีพ่อค้าแม่ค้าโทรมาเล่าถึงความเดือดร้อน และเห็นว่าคนออกนโยบายนี้ ไม่โง่จริงทำไม่ได้ในการหาข้ออ้างช่วยเกษตรกร ถามว่าช่วยเกษตรกรตรงไหน มีแต่นายทุน ยี่ปั้ว ได้ประโยชน์ หากขึ้น 10 บาท ควรนำผลปาล์ม 6 กิโล ที่สกัดนำ้มันปาล์มได้ 1 ลิตร โดยนำ 6 มาหาร 10 ขยับราคาให้กับเกษตรกร ก็น่าจะโอเค ยุติธรรม”
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ ควรต้องไปดูต้นทุนก่อนหน้าของน้ำมันปาล์มขวด แต่กลับไปช่วยนายทุน เนื่องจากทุกครั้งที่ปาล์มออกผลผลิตมามาก ทางกลุ่มนายทุนจะรวมตัวกดราคาซื้อในราคาถูก ทำให้เกษตรกรไม่หวังพึ่งภาครัฐ หลังต่อสู้มา 10 กว่าปี และหันมารณรงค์ในการทำน้ำมันปาล์ม บี 100 ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยรับรองว่าผลปาล์มจะขยับราคาขึ้นกิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 4-5 บาท อย่างแน่นอน เนื่องจากผลิตบี 100 ได้วันละ 6-7 แสนลิตรต่อวัน จากผลผลิตปาล์มออกมาปีละ 3 ล้านตันต่อปี
“มองว่านโยบายห้ามห้างต่างๆ ยกเลิกทำโปรโมชั่นขายน้ำมันปาล์มราคาถูก จะไม่ถาวร เพราะรัฐบาลเต้นตามนายทุน ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ การขึ้นราคา 10 บาท กระทบพ่อแม่ค้าอย่างมาก จากการค้ากำไรเกินควร หากเทียบกับน้ำมันปาล์มดิบ หรือซีพีโอต่อกิโลกรัม หากราคา 18 บาท เมื่อบวกกับค่าขวดและค่าต่างๆ ก็เท่ากับว่าต้นทุนไม่เกิน 28 บาท หรือหากซีพีโอ ราคา 13 บาท ต้นทุนน้ำมันปาล์มขวดลิตร จะตกอยู่ไม่เกิน 23 บาทเท่านั้น”.