หนุ่มเคอรี่ซวยบังกระสุนแม่!โดนเจาะคิ้วดับ

วิน จยย. 2 กลุ่มในซอยสุขุมวิท 103 เปิดศึกตะลุมบอนดุเดือดกลางถนน ขนอาวุธทั้งไม้ ท่อนเหล็กเข้าปะทะ ก่อนฝ่ายที่กำลังคนเยอะกว่ารุกไล่ชักปืนยิง กระสุนว่อนลูกหลงถูกหนุ่มพนักงาน “เคอรี่” และเพื่อนร่วมวินดับอนาถ 2 ศพ หลังเขม่นกันมานานปี เมื่อฝ่ายวินเก่าแก่ต้องการยุบวินคู่อริ ตำรวจตรวจสอบวินเถื่อนไม่ได้รับอนุญาตทั้งคู่ ผบช.น.เผยเร่งออกหมายจับผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่าย ขยายผลถึงผู้มีอิทธิพลเบื้องหลัง ขณะที่โลกโซเชียลแชร์ว่อนคลิปเหตุการณ์วิวาทกลางถนน วิจารณ์ความรุนแรง สับเละตำรวจระงับเหตุไม่ได้

วิน จยย.เปิดศึกตะลุมบอนดุเดือดกลางถนน ชักปืนไล่ยิงทำให้มีคนถูกลูกหลงเสียชีวิต 2 ศพ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 15 มิ.ย. ร.ต.อ.เรืองศักดิ์ หุนตระณี รอง สว. (สอบสวน) สน.บางนา รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท ระหว่างวิน จยย. 2 กลุ่ม มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดภายในซอยอุดมสุขหรือซอยสุขุมวิท 103 แขวงและเขตบางนา กทม.รายงานให้ พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.น.5 พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางนา ฝ่ายสืบสวน สน.บางนา รุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่บริเวณหน้าชุมชนรุ่งเรือง 1 ภายในซอยดังกล่าว พบศพนายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี พนักงานส่งพัสดุบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส สวมเสื้อยืดสีส้มลาย “KERRY” กางเกงยีนส์ สภาพศพนอนหงายจมเลือด มีบาดแผลถูกยิงบริเวณเหนือคิ้วขวาทะลุกกหูซ้าย 1 นัด ใกล้กันพบปลอกกระสุน 9 มม. ตกอยู่ 1 ปลอก โดยญาติช่วยกันแบกร่างของนายวีรวัฒน์ที่โดนกระสุนปืนลูกหลงจากหน้าบ้านพักในชุมชนรุ่งเรืองเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่หามออกมาได้เพียง 50 เมตร บริเวณจุดที่เจ้าหน้าที่พบศพ ถึงทราบว่านายวีรวัฒน์สิ้นใจไปแล้ว

...

นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตระหว่างนำตัวส่ง รพ.ไทยนครินทร์ อีก 1 คนคือ นายวัชรินทร์ งาเฉลา อายุ 32 ปี อาชีพขี่ จยย.รับจ้างวิน “อุดมสุข 1” ถูกยิงที่ชายโครงขวา 2 นัด และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน นำตัวส่ง รพ.ศิครินทร์ รักษาตัวปลอดภัยแล้วกลับบ้านได้ สำหรับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าวเป็นผลมาจากการทะเลาะวิวาทของกลุ่มวิน จยย.2 กลุ่ม ภายในซอยสุขุมวิท 103 ที่วิ่งไล่ทำร้ายกัน ตามรายทางมีไม้กระบอง ไม้คมแฝกถูกทิ้งไว้ รวม 30 อัน เจ้าหน้าที่มอบหมายให้กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝงไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนางแดง จิตกระแส แม่ของนายวีรวัฒน์กล่าวพร้อมน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายเพิ่งกลับเข้าบ้าน หลังตระเวนขี่รถ จยย.ส่งของเสร็จ ระหว่างนั้นได้ยินคนส่งเสียงดังเอะอะโวยวายวิ่งไล่ตีกัน มองเห็นคน 50-60 คนวิ่งกรูกันเข้ามาในซอย ด้วยความเป็นห่วงว่ารถ จยย.เครื่องมือที่ใช้ทำมาหากินจะเสียหาย ลูกชายรีบออกไปขยับรถหลบ แต่กลับโดนลูกหลงถูกกระสุนปืนเข้าที่ศีรษะ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ ลูกเป็นคนขยันทำมาหากิน ทำงานบริษัทเคอรี่มา 1 ปี ขณะที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์ 4 เดือน ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังไม่เกิด

เจ้าหน้าที่ได้สอบถามพยานคนขับวิน “อุดมสุขรุ่งเรือง” ไม่ขอเปิดเผยชื่อได้ความว่า เมื่อช่วงเช้าพยาน ขี่รถ จยย.ไปส่งผู้โดยสาร แต่ถูกคนในกลุ่มวิน “อุดมสุข 1” หลายสิบคนยืนดักไม่ให้ผ่าน จากนั้นคนในกลุ่มวิน “อุดมสุข 1” บังคับให้ถอดเสื้อวินออก ก่อนกลับมาบอกเพื่อนร่วมวิน จากนั้นยกพวกไปหาเผชิญหน้ากับกลุ่มวิน “อุดมสุข 1” กระทั่งเกิดเหตุทะเลาะวิวาท ถูกฝ่ายคู่อริไล่ยิงและรุมทำร้าย ส่วนสาเหตุที่ถูกดักไม่ให้ขี่รถ จยย.ส่งผู้โดยสารเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีผู้ขี่รถ จยย.รับจ้างวิน “อุดมสุข 1” ย้ายมาขี่วิน “อุดมสุขรุ่งเรือง” ทำให้เจ้าของวิน “อุดมสุข 1” ไม่พอใจต้องการยุบวิน “อุดมสุขรุ่งเรือง”

นายกฤตธน ศรีบุญมี อายุ 34 ปี ผู้บาดเจ็บถูกตีศีรษะ ขี่รถ จยย.วิน “อุดมสุขรุ่งเรือง” กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีเพื่อนโทรศัพท์มาแจ้งว่า กลุ่มวิน “อุดมสุข 1” คู่อริ ยกพวกเกือบร้อยคนพร้อมอาวุธไม้และท่อนเหล็กมาปิดล้อมวิน เมื่อตามไปสมทบทำให้ถูกตีที่ศีรษะ ก่อนวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเข้าไปในชุมชนรุ่งเรือง ระยะทาง 300 เมตร ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 5-6 นัด ทำให้มีคนถูกลูกหลงเสียชีวิต ทั้งนี้เมื่อปี 2561 ทั้งสองวินเคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน สาเหตุจาก “วินอุดมสุข 1” ตั้งมาก่อน ต้องการยุบวิน “อุดมสุขรุ่งเรือง” ฝ่ายตนไม่ยอมเนื่องจากเป็นวินที่ไม่ได้ลงทะเบียนทั้งคู่ แต่ครั้งนั้นเจรจากันได้ กระทั่งมาเกิดเหตุซ้ำวันนี้

พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.น.5 เปิดเผยว่า เหตุทะเลาะวิวาทของวิน จยย.ทั้งสองฝ่ายมีแรงจูงใจการก่อเหตุมาจากความขัดแย้ง ระหว่างกลุ่มวิน จยย.ปากซอยสุขุมวิท 103/1 กับกลุ่มวิน จยย.ที่อยู่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ฝั่งตรงข้ามกัน มีปัญหาในเรื่องการขยายพื้นที่วิ่งวินรถ จยย.ตรวจสอบเบื้องต้นทั้ง 2 กลุ่มเป็นวินรถ จยย.ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต กระทำผิดกฎหมาย สำหรับผู้ก่อเหตุตำรวจมีข้อมูลทั้งหมดแล้วแต่ไม่ขอเปิดเผย จากนี้ต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเรียกหัวหน้าวิน จยย.ทั้ง 2 กลุ่มมาให้ปากคำต่อไป

สำหรับเหตุการณ์เปิดศึกตะลุมบอนของวินจยย.ทั้ง 2 กลุ่ม มีผู้บันทึกคลิปเหตุการณ์ถูกแชร์แพร่ หลายในโลกโซเชียล ปรากฏภาพกลุ่มวิน จยย. “อุดมสุขรุ่งเรือง” ใส่เสื้อหลากสี ยืนจังก้าอยู่กลางถนนฝั่งต้นซอยสุขุมวิท 103 ในมือถือท่อนไม้ลักษณะเตรียมท่าพร้อมวิวาท ขณะที่อีกฝ่ายเป็นกลุ่มวินจยย. “อุดมสุข 1” รวมกลุ่มฝั่งท้ายซอยในชุดเสื้อวินสีส้มและสวมหมวกกันน็อก มีท่อนไม้และท่อนเหล็กยาวประมาณ 1 เมตร เป็นอาวุธ ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากด่าทอและท้าทายกันกลางถนน ปรากฏภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 (บก.สปพ.) และสายตรวจ สน.บางนา รวม 3 นายเข้าระงับเหตุ แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายมากขึ้นเมื่อมีเสียง “ปัง” คล้ายเสียงปืนดังขึ้น 2 ครั้ง ก่อนที่ฝ่ายวิน “อุดมสุขรุ่งเรือง” ที่มีกำลังคนน้อยกว่าไหวตัววิ่งหนีเข้าไปในซอย 103/1 ทำให้ฝ่ายวิน จยย. “อุดมสุข 1” ที่มีกำลังคนมากกว่า เปิดฉากวิ่งเข้ารุมตีแนวหน้าของกลุ่ม “อุดมสุขรุ่งเรือง” ที่เหลืออยู่เพียง 3 คนยืนแลกหวดไม้เข้าสู้ แต่ถูกรุมตีสุดท้ายต้องวิ่งหนีแตกกระเจิง ขณะที่ตำรวจสายตรวจที่ตามมาสมทบอีก 2 นาย ทำได้เพียงคุมเชิงดูสถานการณ์เท่านั้น ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความรุนแรงไม่ยำเกรงกฎหมาย และความหละหลวมของตำรวจในการเข้าระงับเหตุ

...

ต่อมาช่วงบ่ายที่ สน.บางนา พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เรียกประชุมความคืบหน้าคดี ใช้เวลา 2 ชั่วโมงก่อนเผยว่า พนักงานสอบสวนเตรียมขอศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่ายมากกว่า 10 คน รวม 4 ข้อหา คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกาย พกพาอาวุธปืนและมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน 9 มม.และ 11 มม. เชื่อว่ามีผู้ใช้ปืนอย่างน้อย 2 กระบอก ส่วนที่ปรากฏภาพตำรวจอยู่ในจุดเกิดเหตุขอชี้แจงว่า พิจารณาแล้วเห็นว่ากำลังตำรวจตอนนั้นไม่เพียงพอ ผู้ก่อเหตุมีจำนวนมากไม่สามารถระงับเหตุได้ หลังจากนี้ สั่งการให้เพิ่มกำลังตำรวจลงพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันเหตุซ้ำซ้อน ส่วนประเด็นผู้มีอิทธิพลคุมวินอยู่เบื้องหลังกำลังขยายผลเพื่อตรวจสอบว่าหัวหน้าวินทั้ง 2 ฝ่ายเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วินาทีที่นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี หนุ่มเคอรี่ ถูกลูกหลงกระสุนปืนยิงเข้าที่ศีรษะ มีภาพกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ เมื่อกลุ่มวิน จยย.วิ่งไล่ตีกันผ่านหน้าบ้านของนาย วีรวัฒน์ โดยนางแดง จิตกระแส แม่ของนายวีรวัฒน์ออกมายืนมองเหตุการณ์ข้างรถ จยย.ของลูกชาย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายวีรวัฒน์เดินตามออกมาเพื่อขยับรถ ทันทีที่นายวีรวัฒน์ยืนอยู่ด้านหน้านางแดง เสี้ยววินาทีนั้นลูกกระสุนปืนพุ่งเข้าศีรษะนายวีรวัฒน์ร่างทรุดลงกับพื้น ราวกับเอาตัวเข้ารับกระสุนรับเคราะห์แทนแม่