22 แก๊งวัยรุ่นงานบวช ที่ก่อเหตุบุกร.ร.มัธยมวัดสิงห์ พร้อมทำร้ายครูและนักเรียนบาดเจ็บ ขึ้นศาลตามที่ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ศาลนัดสอบคำให้การตรวจหลักฐานคดี 27 พ.ค.นี้...
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 เม.ย.2562 ที่ศาลอาญาธนบุรี ถนนเอกชัย-บางบอน ศาลได้นัดสอบคำให้การจำเลย คดีที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 3 ได้เป็นโจทก์ ฟ้อง นายมนตรี หรือ อุ๊ พูลทรัพย์ อายุ 32 ปี กับพวกกลุ่มชายฉกรรจ์ อายุตั้งแต่ 18 ปีเศษ - 41 ปี รวม 22 คน เป็นจำเลยที่ 1-22 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, ร่วมกันบุกรุกเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข โดยใช้กำลังประทุษร้าย และโดยกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ และทรัพย์สินของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ต่อหน้าธารกำนัล, บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.62 จำเลยทั้ง 22 คน กับนายพีรยุทธ หรือ บอล เสริฐพูล ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง และเยาวชนอีก 4 คน ซึ่งได้แยกดำเนินคดีแล้ว ได้ดื่มสุราและเบียร์ ภายในบริเวณวัดสิงห์ แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง (ช่วงพิธีบวชพระ) ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา โดยพวกจำเลยได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปภายในบริเวณโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ผู้เสียหายที่ 1 โดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาตระหว่างที่โรงเรียนได้สอบทางวิชาการ GAT/PAT ซึ่งจำเลยทั้ง 22 คนกับพวก ได้ร่วมกันใช้กำลังชกต่อย นายพนมราช บุญนิรันดร์ พนักงาน รปภ.ของโรงเรียน ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ 3 ที่บริเวณใบหน้าจนเป็นแผลหลายแห่ง และยังชกต่อย นางละไมล์ ใจเที่ยง ผู้เสียหายที่ 4 ที่บริเวณหลังอีกหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ
...
นอกจากนี้ จำเลยทั้ง 22 คนกับพวกยังได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปภายในห้องทำงานของ นายบุณยพงศ์ โพธิวัฒน์ธนัต ผอ.โรงเรียน ผู้เสียหายที่ 2 ชกที่บริเวณใบหน้าด้วยอีกหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บฟกช้ำ แล้วยังร่วมกันบุกรุกเข้าไปภายในห้องเรียนขณะที่นักเรียนกำลังสอบ ก่อนร่วมกันทำร้ายร่างกาย นายฉัตราภัทร์ นามจันดี ครูที่คุมสอบ ผู้เสียหายที่ 5 ที่บริเวณใบหน้า และใช้เก้าอี้กับโต๊ะไม้ทุ่มใส่ด้วย ทำให้ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฟกช้ำ
กับชกต่อย ตบที่ใบหน้า-เตะ นักเรียนชายอีก 7 คน ผู้เสียหายที่ 8, 10, 11, 12, 13, 14, 16 และดึงกระชากเสื้อนักเรียนบางคนจนขาด กับทำให้แว่นสายตาของนักเรียนเสียหายใช้การไม่ได้ รวมเป็นเงิน 1,260 บาท และยังได้ดึงไหล่-ศอก นักเรียนชายอีกคน ผู้เสียหายที่ 15
และยังร่วมกันทำร้ายนักเรียนหญิงอีก 2 คน ผู้เสียหายที่ 6-7 โดยตบที่บริเวณใบหน้าหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บเป็นแผลพกช้ำที่แก้ม ขากรรไกร และเปลือกตา กับผลักนักเรียนหญิง ผู้เสียหายที่ 9 จนได้รับบาดเจ็บ โดยระหว่างก่อเหตุ "นายวัลลภ หรือ เอกไฝ นุชแฟง" จำเลยที่ 2 ยังได้กระทำอนาจาร ใช้แขนโอบกอดเอวนักเรียนหญิง ผู้เสียหายที่ 7 พร้อมคำพูดไม่เหมาะสมต่อหน้าบุคคลอื่นด้วย
นอกจากนี้ พวกจำเลยยังร่วมกันทำให้ทรัพย์สินของโรงเรียนเสียหายอีกหลายรายการ อาทิ โทรทัศน์สีขนาด 43 นิ้ว โถเซรามิคบ่อน้ำพุ เครื่องฉายภาพทึบแสง โต๊ะ-เก้าอี้นักเรียน พัดลม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 24,300 บาท ชั้นสอบสวนจำเลยมีทั้งรับสารภาพบางข้อหา และปฏิเสธบางข้อหา
ท้ายฟ้อง อัยการโจทก์ขอให้ศาลได้โปรดลงโทษจำเลยตามอัตราโทษขั้นสูงของกฎหมาย เนื่องจากการกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการกระทำที่ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย อาศัยที่มีพวกมากบุกรุกเข้าไปในโรงเรียน ทำร้ายเด็กนักเรียน และครูผู้คุมสอบ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร ทั้งที่ไม่รู้จักและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เป็นการข่มเหงรังแกผู้อื่นเพื่อความสะใจ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่น และเพื่อความสงบสุขของสังคมโดยรวม
พร้อมกันนี้ อัยการคัดค้านการให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 22 คนด้วย เนื่องจากจำเลยมีเป็นจำนวนมาก ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย จึงอาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
และในส่วนของ นายสมชาย หรือ ปี๊ด แก้วสิมมา อายุ 26 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด จำเลยที่ 7 กับ นายธวัช หรือ วัช สดำพงษ์ อายุ 33 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ จำเลยที่ 9 ขอให้เพิ่ม 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ด้วย เนื่องจาก นายสมชาย จำเลยที่ 7 เคยต้องโทษคดีเสพเมทแอมเฟตามีนในศาลแขวงธนบุรี ที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วจำคุก 4 เดือน 15 วัน โดยจำเลยที่ 7 พ้นโทษมาเมื่อวันที่ 15 ม.ค.60 และ นายธวัช จำเลยที่ 9 เคยต้องโทษคดีมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายในศาลอาญาธนบุรี ที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วจำคุก 9 เดือน โดยจำเลยที่ 9 พ้นโทษมาเมื่อวันที่ 8 เม.ย.58 แล้วทั้งสองมากระทำผิดในคดีนี้ ซึ่งยังอยู่ในช่วงเวลา 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษอีก
โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 22 มาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งจำเลยทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำตั้งแต่ชั้นฝากขัง ศาลสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพ หรือปฏิเสธ ปรากฏว่า จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และเมื่อศาลสอบถามจำเลยทั้ง 22 คน ว่ามีทนายความแล้วหรือไม่ มีจำเลย 10 คนแถลงขอศาลตั้งทนายความให้ ส่วนจำเลย 12 คนแถลงยังไม่มีทนายความ แต่จะหาทนายความเอง ศาลจึงนัดพร้อมสอบคำให้การและตรวจหลักฐานคดี ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่มที่เป็นเยาวชนอีก 4 คน ที่เป็นชายอายุ 16 ปี 2 คน และอายุ 17 ปี อีก 2 คน ซึ่งร่วมกับกลุ่มชายฉกรรจ์งานบวชพระวัดสิงห์นั้น ก็แยกดำเนินการตามขั้นตอน ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยอัยการกำหนดนัดจะยื่นฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนฯ ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ซึ่งชั้นสอบบสวนของตำรวจได้แจ้ง 2 ข้อหาฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป.
...