ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ พาย้อนไปทำความรู้จัก “ตำนานขุนแผน ไม่มีสับราง ไม่ต้องคบซ้อน บ้านเล็กบ้านน้อยมีความสุขพร้อมหน้า”...
ถ้าเอ่ยชื่อ “สุพัฒน์ ธีรภาพสกุลวงศ์” จะมีใครสักกี่คนที่รู้จักชื่อนี้ แต่ถ้าเอ่ยชื่อ “เต็กกอ” อาเฮียขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูแห่งเมืองนครปฐม คนที่มีเมีย 7 ลูก 22 คน ก็เชื่อแน่ว่า หลายคนคงร้องอ๋อไปตามๆ กัน
ความโด่งดังของ “เต็กกอ” ในฐานะชายผู้มากเมีย ทำให้ภาพในอีกมุมหนึ่งของชีวิตเขาถูกบดบังภาพของนักธุรกิจผู้สร้างตำนาน “ลูกชิ้นหมู” จนโด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนนครปฐม และดังข้ามจังหวัด ขยายอาณาเขตไปในพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายจังหวัด จนเป็นกรณีศึกษาให้กับธุรกิจ SMEs ได้เป็นอย่างดี และมีรายได้เลี้ยงดูลูกหลานให้ได้รับการศึกษาตามความถนัดชนิดไม่น้อยหน้าใคร
...
เต็กกอก็อกหักเป็น
ย้อนหลังกลับไปเกือบสิบปีก่อน เต็กกอ เคยเล่าถึงที่มาที่ไปของความเป็นคาสโนว่ารุ่นใหญ่ว่า “ตอนเด็กๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด จะเงียบๆ เฉยๆ ทำแต่งาน ตอนอายุ 15-16 ช่วงที่เป็นพ่อค้าก็เคยไปชอบแม่ค้าอยู่คนหนึ่ง รูปร่างเราก็ผอมๆ สูงๆ ดูเซ่อๆ ใช้คำพูดกับผู้หญิงไม่เป็น ชอบผู้หญิงอยู่ 2 คน ก็อกหักไปทั้งสองคนเลย ทีนี้เราก็มาตั้งหลักใหม่ เปลี่ยนวิธีใหม่ ผมมาคิดได้ว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่น่ะชอบผู้ชายเจ้าชู้ แต่ไม่ชอบให้เจ้าชู้กับคนอื่น ผู้หญิงจะชอบผู้ชายกะล่อนนิดๆ เพราะมันมีรสชาติ เราก็มาปรับตัวให้เป็นคนกล้าพูด”
“ที่ผ่านมา เรียนรู้ว่าผู้ชายในโลกนี้เจ้าชู้ทุกคน เมื่อผู้หญิงลองได้ชอบใครแล้วล่ะก็ไม่ต้องตื๊อเลย แม้ผู้ใหญ่ห้ามก็ไม่ฟัง ห้ามไม่อยู่” เต็กกอ บอกเล่าจากประสบการณ์จริง
ขณะที่ ภรรยาทั้ง 7 คน ของ “เต็กกอ” ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่เลือกแต่งงานกับเต็กกอ แม้จะรู้ว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ก็เพราะเขาเป็นคนคุยสนุก จริงใจ พูดคำไหนคำนั้น และขยันทำมาหากิน ข้อดีที่ไม่น่าจะแตกต่างกับบทสรุปความสำเร็จของ “ลูกชิ้นหมูเต็กกอ” ในเวลาต่อมา
แต่งงานด้วยสินสอดคนละหมื่น
เต็กกอ เคยเล่าผ่านสื่อไว้ว่า “พ่อตาแม่ยายแต่ละคน ผมให้เท่ากันหมดคนละ 10,000 บาท ทองหยองก็ไม่มีให้ เหตุผลที่ต้องให้เท่ากันหมด เพราะว่าถ้าแต่งงานกับคนหลังๆ แล้วสินสอดมากขึ้นกว่าเมียคนแรก มันเป็นการกระทำที่เกินหน้าเกินตาเขา มันเสียการปกครอง”
“ผมจะบอกพ่อตาแม่ยายแต่ละคนว่า ถ้าหลังจากนี้ผมยินดีช่วยเหลือเท่าไหร่เท่ากัน แต่ว่าเรื่องสินสอดนี่ต้องขอแบบนี้ก็แล้วกัน เพื่อความสงบสุขของลูกๆ” เต็กกอ บอกเล่ามุมมองความคิดเรื่องการปกครองคนในครอบครัว
แต่งเมียทีเดียว 2 คน
หากย้อนกลับไปปี 2524 เต็กกอเลือกที่จะแต่งงานอีกครั้งกับเมียคนที่ 6 และ 7 ในคราเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่โด่งดังไปทั้งประเทศ เพราะด้วยความที่ตัวเขาเองนั้นมีเมียอยู่แล้วตั้ง 5 คน แต่จะแต่งเพิ่มอีก 2 คนในงานเดียวกัน จึงไม่แปลกที่คนจะสนใจและตั้งข้อสงสัยว่า บรรดาเมียไม่ตบตีกันหรือ
ในคืนวันอันแสนสุขที่เต็กกอกำลังจะแต่งงานกับเมียคนที่ 6 และ 7 นั้น เขาได้ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐไว้ว่า “ความรักครั้งนี้เป็นเรื่องของโชคชะตา” พร้อมกล่าวถึงเบื้องหลังการพบเจอกับหญิงสาวทั้งสองว่า “เมื่อ 2 เดือนก่อน เมียคนที่ 5 (อายุ 25 ปี) เดินทางไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยาย และได้แนะนำให้ผมรู้จักหญิงสาว 2 คน (อายุ 22 ปี) ที่เป็นคนในละแวกบ้านเดียวกัน”
...
“เมื่อได้เจอผู้หญิง 2 คนนี้ ก็รู้สึกรักและชอบพอกัน ส่วนฝ่ายหญิงก็มีจิตใจโอนเอนให้ด้วย ทั้งพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็มิได้แสดงท่าทีรังเกียจรังงอนในความที่เรามีเมียมาก ดังนั้นจึงคิดจะเอาเธอทั้งคู่ไปเป็นภรรยา”
“ครั้งแรกพ่อแม่ของเขาก็รู้สึกตกใจนิดๆ นะครับ แต่ผมก็รับปากยืนยันว่าจะเลี้ยงดูบุตรสาวของเขาอย่างดี จะให้ความเป็นธรรมเสมอหน้ากัน ถึงแม้ว่าจะมาทีหลัง แต่ความสุขจะได้รับด้วยความยุติธรรมทั่วหน้า ทางพ่อแม่ของฝ่ายสาวจึงยินยอมยกบุตรสาวให้แก่ผม”
จากนั้น เมื่อกลับมาบ้าน เต็กกอก็ปรึกษาหารือบรรดาเมียทั้ง 5 คน ซึ่งภรรยาคนแรก (อายุ 35 ปี) แสดงอาการตกใจเล็กน้อย และย้อนถามเพื่อความแน่ใจว่า “เฮียจะเอาจริงๆ หรือ” เต็กกอ ยืนยันหนักแน่นว่า “เรื่องที่พูดนี้ไม่ใช่พูดเล่นๆ”
...
เมื่อได้รับฟังคำสารภาพจากใจจริงของเต็กกอ ยอดนักรัก เมียทั้ง 5 คน ก็จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันพักใหญ่ ก่อนจะมีคำตอบออกมาว่า “ยินดีต่อความสุขใหม่ และให้จัดพิธีแต่งงานได้”
ส่วนเรือนหอของเมียใหม่ทั้ง 2 นั้น มีลักษณะเหมือนกันกับของเมียทั้ง 5 คนทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งแต่ละห้องมีห้องน้ำอยู่ภายใน ภายในห้องทาด้วยสีฟ้าอ่อน เตียงนอน ผ้าคลุมที่นอน หมอนข้าง ตลอดจนโต๊ะเครื่องแป้ง ล้วนถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
เรื่องเงินๆ ทองๆ
สำหรับเรื่องทรัพย์สินที่จะต้องใช้ดูแลเมียทั้ง 7 นั้น เต็กกอเผยว่า ผมมีประกันชีวิตให้ทุกคน ฝากเงินให้เดือนละ 1,000 บาท โดยห้ามถอนออกเป็นอันขาด เพราะการกินการอยู่ในแต่ละวัน ล้วนแต่ใช้เงินจากกองกลางของผมทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องทะเบียนสมรส เต็กกอ อธิบายว่า “ผมไม่เคยจดทะเบียนสมรสเลยทั้ง 5 คนที่ผ่านมา และคิดว่าอีก 2 คนที่กำลังจะแต่งงานนี้ ผมก็ไม่จดทะเบียนสมรสเช่นกัน”
...
จัดคิวนอน
ในการแต่งงานครั้งนั้น เป็นวันอาทิตย์ที่ 31 พ.ค. ซึ่งตามการเข้าเวรนอนแล้วนั้น เต็กกอจะต้องนอนกับภรรยาคนที่ 4 แต่ในวันนั้น เป็นวันแต่งงานที่จะต้องเข้าหอกับเมีย 6 และ 7
เต็กกอ ยอดนักรัก ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "วันแต่งงานจะเป็นวันที่คู่บ่าวสาวต้องอยู่ร่วมหอลงโรงกันในยามค่ำคืนก็จริงอยู่ แต่เมื่อเป็นเวรนอนของภรรยาคนที่ 4 (อายุ 25 ปี) ดังนั้น ภรรยาคนที่ 6 และ 7 จำเป็นต้องนอนรอเวรไปก่อนคนละ 2 และ 3 คืน”
“เรื่องแบบนี้ต้องเป็นไปตามเวรที่จัดไว้ด้วยครับ เพื่อความยุติธรรมของทุกฝ่าย คืนแต่งงานผมนอนกับคนที่ 4 รุ่งขึ้นนอนกับคนที่ 5 ส่วนคนที่ 6 และ 7 ที่เพิ่งแต่งงานกัน ต้องเฝ้าเวรรอไปก่อน” เต็กกอ ฉายาขุนแผนนครปฐม กล่าว
ปัจจุบัน เต็กกอ อายุ 74 ปี ยังคงเป็นต้นแบบของกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู จังหวัดนครปฐม โดยมีลูกๆ และภรรยาทั้งหมดร่วมด้วยช่วยกันขยับขยายบริหารกิจการร้านไปมากกว่า 50 สาขา.
หมายเหตุ : เต็กกอ ชื่อนี้มาจากญาติผู้ใหญ่ที่เห็นเขาตอนเด็ก ซึ่งมีรูปร่างผอม หนังหุ้มกระดูก แขนขายาว จนอุทานออกมาว่า “หุ่นอย่างกะเต็กกอ” ซึ่งเต็กกอในภาษาจีน หมายถึง ต้นไผ่ หรือไม้ไผ่ที่มีลักษณะยาวๆ