วันที่ 15 ม.ค. พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ศ. ในฐานะคณะทำงานแก้ปัญหาจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีที่กรมการขนส่งทางบกได้ประกาศใช้ระบบใบขับขี่ดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน DLT QR Licence ซึ่งจะเริ่มใช้วันนี้เป็นวันแรกว่า ทางตำรวจเห็นด้วยที่จะนำเรื่องดังกล่าวเข้ามาใช้ในระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่งขณะนี้เมื่อได้เปิดใช้งานแอปพลิเคชันแล้ว แต่ผู้ใช้รถยังคงต้องพกใบขับขี่แบบเดิมไปก่อนจนกว่ากฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับใหม่จะประกาศใช้ โดยในวันที่ 17 ม.ค.นี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะนำเข้าสู่ที่ประชุมในวาระแรกเพื่อแจ้งให้ทราบ ก่อนที่จะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนจะเสร็จสิ้น หากผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่แสดงให้กับเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าข่ายความผิดในมาตรา 142 วรรค 2 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตามมาตรา 154 โดยในขั้นตอนทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์จะสามารถรองรับประชาชนทั้งในเมือง หรือต่างจังหวัดได้ทั้งหมดหรือไม่ พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ขอเพียงมีใบขับขี่และบัตรประชาชน ตำรวจก็จะสามารถตรวจสอบข้อมูลในระบบได้ว่า บุคคลนั้นมีสถานะใบขับขี่อย่างไร หมดอายุแล้วหรือไม่ หรือมีใบสั่งค้างติดตัวอย่างไร ส่วนการสวมบัตรของผู้อื่นมาใช้นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะจะเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับบัตรประชาชนตามเลข 13 หลัก และทางตำรวจก็จะตรวจสอบซ้ำว่า ใบขับขี่ที่แสดง เป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่.