ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากมีชีวิตดุจเจ้าหญิงในเทพนิยาย ได้พบรักกับเจ้าชายรูปงาม และครองรักกันในปราสาทหลังใหญ่ แต่ในชีวิตจริงจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่โชคดีได้แต่งงานกับเจ้าชายในฝัน ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ รวม 3 สาวไทยสุดน่าอิจฉา ตกถังข้าวสารได้เป็นนายหญิงของอภิมหาเศรษฐีโลกระดับโลก

พยาบาลสาวไทย ได้สามีเป็นอภิมหาเศรษฐีโลก บ้าน ที่ดิน ใหญ่กว่าเมืองพัทยา

“ร.ต.ต.ณธัญวิชญ์ ชุมโกมนต์” หรือ ธัญญา วัย 48 ปี ปิ๊งรักกับอภิมหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ตระกูลนายแบงก์สวิสและต้นตระกูลเบียร์เก่าแก่ระดับโลก “โลเอล แพททริค กินเนสส์” วัย 61 ปี ทั้งๆ ที่อยู่คนละซีกโลก และมีชีวิตต่างกันราวฟ้ากับดิน...

นายหญิงตระกูลกินเนสส์ “ธัญญา” เล่าว่า เธอเป็นสาวไทยธรรมดาๆ ทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ แถมยังอ่อนภาษาอังกฤษมาก ชีวิตนี้จึงไม่เคยคิดจะมีแฟนฝรั่ง และไม่มีอยู่ในสมอง

จากนั้น เธอมีโอกาสไปเที่ยวอิตาลีและไปหาเพื่อนที่รู้จักกัน จนได้เจอกับคุณกินเนสส์ ในร้านพิซซ่าแห่งหนึ่ง มาดามธัญญา เล่าต่ออีกว่า เขาเข้ามาขอแลกอีเมลแอดเดรส และนัดเธอกับเพื่อนออกไปทานข้าว 2 ครั้ง เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก เพิ่งจะบอกตอนหลังว่า ตั้งแต่เห็นธัญญาครั้งแรก รู้สึกว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน จากนั้นเขาก็บินตามมาที่เมืองไทย โดยนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาดักรอ และชวนเราไปทานข้าวที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ”

...

“เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะแนะนำตัวว่าชื่อ แพททริค ได้ยินพนักงานเรียกว่า “คุณกินเนสส์” แต่ก็ไม่เอะใจอะไร พอผ่านไปหลายเดือน จนแน่ใจว่าเขาคงจีบเราแล้วล่ะ จึงไปค้นดูประวัติจากกูเกิล ถึงได้รู้ว่าบรรพบุรุษของเขาเป็นน้องชายผู้ก่อตั้งเบียร์กินเนสส์ และคุณปู่ของเขาเป็นทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ และนายแบงก์ใหญ่ของสวิส ต่อมาคุณกินเนสส์ได้นัดเดตและดูใจกัน 1 ปี จากนั้นก็แต่งงานกันในเมืองไทย”

ส่วนชีวิตครอบครัวนั้น เธอและสามีมีบ้านที่ประเทศฝรั่งเศส มีเนื้อที่ประมาณ 2 แสนไร่ เนื้อที่มากกว่าพัทยา โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่า (พื้นที่มาก เพราะในอดีตขุนนางชอบล่าสัตว์) พื้นที่บ้านประมาณ 100 ไร่ และมีสนามกอล์ฟ ทะเลสาบส่วนตัวด้วย หากจะดูรอบบ้านก็ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ชม โดยแต่ละวัน เธอมีคนดูแลส่วนตัวกว่า 10 คน ทั้งดูแลเสื้อผ้า รองเท้า เชฟทำอาหาร และห้องต่างๆ

อย่างไรก็ดี “ธัญญา” มีลูกชายคนหนึ่ง อายุ 17 ปี “คุณกินเนสส์” ก็รับเป็นลูกด้วย โดยมาดามธัญญา กล่าวอย่างตื้นตันว่า ธัญญาโชคดีที่คุณกินเนสส์รักเรามาก และเราก็รักเขามาก ความสุขสบายทางกายมากขึ้น อยากได้อะไรก็ได้ แต่ความสุขทางใจก็มากขึ้นเยอะด้วย เพราะมีคนที่รักเราจริง เพียงแต่ชีวิตเปลี่ยนไปตรงที่ไม่สามารถทำอะไรลิงๆ ค่างๆ มีความสุขมากที่ได้รักและใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน เขาเป็นอัจฉริยะในสายตาของเรา เวลาทำอะไรต้องศึกษาให้ถ่องแท้ต้องรู้จริง ไม่ใช่มีเงินก็ใช้ๆ ไป และเป็นเขาคนจิตใจดีมาก เหมือนพ่อพระมาโปรด เขาเป็นที่สุดแล้วสำหรับเรา”

“มูนา อัล ซารูณีย์” ซินเดอเรลล่าดูไบ สบายๆ ไม่ต้องทำงาน เพชรล้นตู้

มูนา อัล ซารูณีย์ ไฮโซสาว หรือเจ้าของฉายา "ซินเดอเรลล่าดูไบ" ที่แต่งงานกับ มร.อาเหม็ดณู อัล ซารูณีย์ มหาเศรษฐี 1 ใน 10 อันดับแรกของดูไบ

เส้นทางจากม่ายสาวลูกสองที่มีธุรกิจทัวร์เล็กๆ ชีวิตพลิกผันมาปิ๊งรักกับอภิมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของดูไบ โดยมูนา ได้เล่าว่า เธอกับชายผู้นี้รู้จักกันมาก่อน เพราะเขาเป็นลูกค้าบริษัททัวร์ของเธอ ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่มูนายังมีสามีอยู่ และมีลูก 2 คน จนเธอเลิกกับสามีเก่า ก็คุยกับเธอแบบเพื่อนอยู่ 4-5 ปี ถึงตกลงเป็นแฟนกัน ฝ่ายชายโทร.ข้ามประเทศมาคุยกับเธอทุกวัน เดือนละหลายแสน หลังคบเป็นแฟน 2 ปี จึงตัดสินใจแต่งงานกัน

...

ครั้งหนึ่ง เคยมีคนถามเธอว่า ทราบมาก่อนไหมว่า เขาเป็นมหาเศรษฐีรวยที่สุด 1 ใน 5 ของดูไบ?
เธอตอบว่า แรกๆ ไม่ทราบเลย เพื่อนมาบอกว่าผู้ชายคนนี้บ้านใหญ่อย่างกับวัง แต่เราก็พูดตลอดว่าโอ๊ยรวยแค่ไหนไม่รู้หรอก แต่ฉันไม่ชอบแขก!! ตอนหลังมารู้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจทำอสังหาริมทรัพย์อยู่ดูไบ ปีหนึ่งมาเที่ยวเมืองไทยแค่ครั้งเดียว พอคบกันสักพัก ตอนเราจะเปลี่ยนรถ เขาส่งเงินเข้าบัญชีเรามาล้านหนึ่ง ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน

...

มูนา ยังเล่าอีกว่า ส่วนชีวิตที่ดูไบไม่ต้องทำงานอะไรเลย พอว่างก็ไปช็อปปิ้ง และมีหน้าที่แต่งตัวสวยๆ ออกงาน ทุกเดือนเราจะได้เงินเดือน และเป็นธรรมเนียมของครอบครัวที่จะจัดงบเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวปีละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 3-5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของธุรกิจ โดยงบประมาณท่องเที่ยวนี้ใครอยากเก็บหรืออยากเดินทาง สุดแต่ความต้องการ ส่วนใหญ่ “มูนา” จะเลือกเก็บไว้เพื่อซื้อเพชร และเดินทางมาเยี่ยมลูกที่เมืองไทย เราไม่ได้เป็นคนฟุ้งเฟ้อ ไม่ได้บ้าแบรนด์เนม แต่ก็มีบ้าง ซึ่งเราไม่ได้มีแบบสะสมมากองไว้เยอะๆ ต้องมีทุกแบบทุกสีทุกคอลเลกชั่น ไม่ใช่แบบนั้น เราซื้อแค่พอประมาณ

...

“เวลาอยู่บ้านที่ดูไบจะชอบทำอาหารทานเอง และการตั้งโต๊ะแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเลี้ยงคนเดียวหรือสิบคน อาหารก็ต้องเต็มโต๊ะ ทานหมดหรือไม่หมดก็ต้องจัดให้เต็มโต๊ะไว้ก่อน” มูนา ถ่ายทอดชีวิตของเธออีกมุม

สาวไทยวิวาห์หวาน พ่อม่ายคนดังตระกูลเศรษฐีแบงก์อังกฤษ

“ก้อย–เบญจมา วรวงศ์วสุ เฟลมมิ่ง” ม่ายสาวไทยลูกสอง วัย 50 ปี “ก้อย” จบปริญญาตรีสาขาเมอร์เชนไดซิ่ง จากอเมริกา และกลับมาทำงานเอเจนซี่โฆษณาที่เมืองไทยได้ปีหนึ่ง ได้แต่งงานกับสามีคนแรก ตอนอายุ 27 ปี และเก็บกระเป๋าไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษยาวเลย โดยเป็นแม่บ้านเต็มตัว ไม่ได้ทำงานอะไร เพราะสามีอยากให้ทุ่มเทกับการเลี้ยงลูกสาว 2 คน 

เธอเล่าว่า รักครั้งใหม่จะมาเองตามพรหมลิขิต ไม่ต้องขวนขวายหรือวิ่งไล่ไขว่คว้า ตอนเจอกับ “คุณรอรี่” เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ก็ไม่คิดอะไรกันเลย เพราะรู้จักในฐานะเพื่อนผู้ปกครองของลูก ลูกสาวคนเล็กของเราทั้งคู่เรียนโรงเรียนเดียวกันคือ ไนท์บริดจ์ สคูล ในกรุงลอนดอน ทำให้มีโอกาสเจอกันตามงานโรงเรียน

เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนมาดเยอะ และมีสาวๆ มาชอบเขาเยอะมาก ใครๆ ก็บอกว่าเขาเป็นพ่อม่ายเนื้อหอมที่สุดคนหนึ่ง เป็นถึงทายาทตระกูลธนาคารใหญ่ของอังกฤษ เราเลยไม่อยากไปยุ่งมากนัก เขาเป็นหนุ่มเฟรนลี่และค่อนข้างเจ้าชู้ ก็พยายามทักทายและชวนเราคุย แต่แรกๆ ยังไม่สานสัมพันธ์กันเกินเพื่อน รู้แต่ว่าเขาโดนภรรยาทิ้งตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กอายุได้ไม่กี่เดือน ก็แอบสงสารอยู่ในใจ แต่ยังไม่ปิ๊งอะไรทั้งนั้น และจะพยายามนั่งห่างๆ เขาด้วยซ้ำ ไม่อยากคุยด้วย ไม่อยากยุ่งเอาซะเลย เพราะเขาเป็นแฟนกับแม่เด็กคนหนึ่งในห้อง และผู้หญิงคนนี้ขี้หึงมาก เราขี้เกียจมีปัญหา เวลาไปไหนด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ เราก็พยายามนั่งห่างๆ เขาไว้ จนเขาแอบไปพูดว่าอย่าให้เขานั่งติดกับเบญจมานะ น่าเบื่อมาก เธอไม่พูดอะไรเลย

เมื่อถามว่า สาวไทยอย่างเรามีเสน่ห์มัดใจตรงไหน ทำให้พ่อม่ายเนื้อหอมยอมคุกเข่าขอแต่งงานครั้งที่สอง?
เธอนิ่งคิด ก่อนจะตอบมาว่า เราไม่เคยจิกหรือคิดจะจับเขาเหมือนสาวๆ ทั่วไป บางคนเก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่ในบ้านเลยนะ บางคนพยายามแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หรือไม่ก็เป็นสาวช่างขออยากได้โน่นได้นี่ ที่ผ่านมา สเปกเขาต้องสาวสวยผมบลอนด์ แต่ละคนที่เป็นแฟนเขาเป็นดารานางแบบทั้งนั้น เคยคิดเหมือนกันว่าทำไมเป็นเรา เขาบอกว่าเราเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจไม่อึดอัด ทำให้อยากอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา เขาจะหาเด็กสาวสวยกว่าเราขนาดไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาจีบผู้หญิงวัยเดียวกันอย่างเรา ที่สำคัญ “ก้อย” แสดงให้เขาเห็นว่า เราดูแลตัวเองได้ และไม่เคยคิดให้ผู้ชายคนไหนมาเลี้ยง เราคบกันประมาณ 3 ปี เขาถึงขอแต่งงาน

บ้าน “คุณรอรี่” มีผีเยอะมาก เพราะเป็นคฤหาสน์เก่าแก่สิบห้องนอน อายุหลายร้อยปี มีพื้นที่รอบๆ มากกว่า 700 เอเคอร์ คนทำงานในบ้านมีเป็นสิบคน เกือบทุกคนเคยโดนผีหลอกมาแล้วทั้งนั้น บางคนเห็นเป็นผีผู้หญิงชุดขาวในห้องเก็บผ้าเช็ดตัว บางคนเห็นเป็นผีผู้ชายอยู่ในสวน เราเป็นคนกลัวผี ตอนหลังเลยต้องหาหมอผีมาดูที่บ้าน หมอผีบอกว่าทุกห้องมีวิญญาณอยู่ ทั้งห้องใต้ดิน, ห้องทำงาน และห้องซักผ้า วันไหนที่ “คุณรอรี่” ไม่อยู่บ้าน “ก้อย” ก็จะไม่อยู่บ้านเหมือนกัน และจะย้ายไปนอนที่บ้านในตัวเมืองลอนดอน นอกจากนี้ก็โดนลองของจากพวกไฮโซอังกฤษ “คุณรอรี่” เป็นคนดังในแวดวงสังคม มีมูลนิธิการกุศลเก่าแก่ของตระกูลให้ดูแล และต้องออกงานสังคมเยอะ มีกิจกรรมยามว่างคือการล่าสัตว์ และเดินดูพื้นที่ธรรมชาติในอาณาเขตของตัวเอง แรกๆ “ก้อย” จะโดนถามว่า ยูมาจากประเทศไทยเหรอ บ้านยูยังขี่ช้างกันอยู่หรือเปล่า เราไม่ใช่คนกลัวฝรั่ง (เน้นเสียงเข้ม) ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาแล้ว เราตอบกลับได้ฉะฉานทุกอย่าง “ก้อย” เห็นโลกกว้างมาพอสมควร จึงไม่คิดอยากทำตัวเป็นฝรั่ง หรือเห็นดีเห็นงามกับทุกอย่างที่ฝรั่งทำ อยากจะบอกฝรั่งด้วยซ้ำว่า ประเทศไทยเจริญมาก และคนไทยมีความรู้ความสามารถไม่แพ้ฝรั่งหรอกนะ

อย่างไรก็ดี “มร.รอรี่ เฟลมมิ่ง” นั้น เป็นทายาทตระกูลเศรษฐีเก่าของอังกฤษ มีทรัพย์สินหลายพันล้านปอนด์ คุณพ่อของเขาคือ “มร.โรบิน เฟลมมิ่ง” เป็นเจ้าของธนาคารเอกชน “เฟลมมิ่ง แฟมิลี่ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส” และหุ้นส่วนวาณิชธนกิจใหญ่ของโลก “จาร์ดีน เฟลมมิ่ง” ซึ่งขายกิจการไปได้ไม่นาน ปัจจุบัน “คุณรอรี่” มีงานหลักคือ การดูแลมูลนิธิของครอบครัว เพื่ออนุรักษ์สนับสนุนศิลปะของตระกูลเฟลมมิ่ง ซึ่งอยู่ในคลังสะสมหลายพันรายการ

นอกจากนี้ เขายังเป็นที่รู้จักในแวดวงสังคม ในฐานะหลานของ “เอียน เฟลมมิ่ง” ผู้ประพันธ์นวนิยายสายลับชื่อก้อง “เจมส์ บอนด์ 007” ชีวิตของหนุ่มคนนี้นับว่ามีสีสันไม่น้อย เพราะภรรยาคนแรกของเขาเป็นบารอนเนสชาวเดนมาร์ก ทายาทเจ้าของปราสาทวาลเดลมาร์ ตอนที่หย่าร้างกันเมื่อปี 2008 หลังใช้ชีวิตอยู่กินกันมา 6 ปี และมีทายาทด้วยกัน 2 คน (ลูกชายชื่อ “อเล็กซานเดอร์” วัย 10 ขวบ และลูกสาวชื่อ “โจเซฟิน” วัย 7 ขวบ) เขาต้องจ่ายเงินค่าหย่าเป็นมูลค่าถึง 400 ล้านปอนด์ กลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ไปทั่วยุโรปเลยทีเดียว.