เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมแวะไปดูคอนเสิร์ต “แบบเบิร์ด เบิร์ด โชว์” ครั้งที่ 11 ตอน Dream Journey ของคุณเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ จัดโดยจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี...ได้ทั้งความสุข และข้อคิดควรคำนึงกลับมาเพียบเลยครับ

ขออนุญาตทำหน้าที่จดบันทึกเหตุการณ์เอาไว้เช่นเคยนะครับ ทั้งเพื่อวัตถุประสงค์ในการที่จะบอกเล่าเก้าสิบแก่ท่านผู้อ่านรุ่นปัจจุบันนี้ ให้รับรู้รับทราบว่าคอนเสิร์ตชุดนี้สนุกสนานเพียงใด เพราะเข้าใจว่าคงจะมีแฟนเพลงอีกหลายๆหมื่นคนที่พลาดโอกาส

ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการจารึกเอาไว้เผื่อว่าอนุชนรุ่นหลังในอนาคตอันไกลโพ้นข้างหน้ากลับมาเปิดอ่านไทยรัฐฉบับพิมพ์ในหอสมุดแห่งชาติ หรือเข้ากูเกิลค้นหาอ่านจากไทยรัฐออนไลน์ จะได้นึกภาพออกว่าผู้คนใน พ.ศ.2561 เขาสนุกและมีความสุขอย่างไรบ้างกับการแสดงของยอดซุปตาร์หมายเลข 1 ของเขาคนนี้ในอดีตกาล

ถ้าจะให้สรุปออกมาเป็นคำพูดสั้นๆไม่เกิน 2 ประโยค ก็คงสรุปได้ว่า “60 ปียังแจ๋ว”...แจ๋วจริงๆสำหรับธงชัย แมคอินไตย์ ที่กำลังจะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 8 ธันวาคม 2561 ที่จะถึงนี้

นอกจากจะรักษาสรีระเรือนร่างอันสะโอดสะองเหมือนเดิมไว้ได้แล้ว ลีลาการร้องการเต้นก็ยังสุดเสียงสังข์ (สำนวนรุ่นเก่า) เหมือนเมื่อตอนเปิดคอนเสิร์ต “แบบเบิร์ด เบิร์ด” หนแรกเมื่อ พ.ศ.2529 ณ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (อายุ 28 ปี) อย่างไรอย่างนั้น

ดูไกลๆเราแทบจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาเลย...ยกเว้นเวลา “โคลสอัป” ใบหน้าขึ้นจอยักษ์ ที่อาจจะเห็นรอยห่างของฟันซี่หน้าของเขาบ้างเล็กน้อย...นอกนั้นเบิร์ดยังเป็นเบิร์ดคนเดิมทุกประการ

สำหรับการแสดงครั้งที่ 11 นี้มาในธีมหรือแนวคิด “การเดินทางในฝัน” สร้างจินตนาการในทำนองว่าธงไชยกำลังออกเดินทางไปยังดาวดวงหนึ่ง ระหว่างทางได้ผ่านสิ่งต่างๆมากมาย

...

สามารถสะท้อนออกมาได้ด้วย “บทเพลง” ที่เคยฮิตของเขามาตั้งแต่ยุคแรกๆ ซึ่งมีทั้ง บูมเมอแรง, สบาย สบาย, หมอกและควัน, พริกขี้หนู, คู่กัด, ซ่อมได้ ฯลฯ

มาจนถึงเพลงช้าๆอย่าง เล่าสู่กันฟัง, เงียบเงียบคนเดียว, เหนื่อยไหม, คนไม่มีแฟน ฯลฯ ล้วนเป็นเพลงประเภทฟังเมื่อไรก็ซึ้งเมื่อนั้น

ที่สำคัญงวดนี้เบิร์ดยังเซอร์ไพรส์แฟนๆด้วยการเชิญ 6 นักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทยอย่าง หน่อง ปลื้มจิตร์, กิ๊ฟ วิลาวัณย์, อร อรอุมา, ปู มลิกา, นา วรรณา และแนน ทัดดาว มาเปิดหัวใจนักสู้และความฝันของนักวอลเลย์ไทยที่อยากไปโอลิมปิกให้ได้สักครั้งในชีวิต

เหลือเชื่อ คำพูดสั้นๆจากใจของนักวอลเลย์ทำให้คนดูน้ำตาคลอทุกรอบ แม้แต่ “จ่าแฉ่ง” เพื่อนซี้ผมที่ไปดูด้วยกันกับผม ก็ยังแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน

เบิร์ดจบบทสัมภาษณ์ 6 นักวอลเลย์ได้สวยมากด้วยเพลง “จับมือกันไว้” ซึ่งไม่เพียงจะสะท้อนถึงความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาเท่านั้น ยังสะท้อนถึงความสำเร็จของการพัฒนาประเทศชาติเป็นส่วนรวมด้วย

ดูชุดนี้แล้วก็อยากจะขออนุญาตเอาฉากนี้ทั้งฉาก ตั้งแต่บทสัมภาษณ์ 6 สาววอลเลย์บอล จนจบด้วยเพลง “จับมือกันไว้” มาออกอากาศทางโทรทัศน์ทุกช่องเวลา 6 โมงเย็นสักวันหนึ่ง เผื่อจะทำให้คนไทยเรารักกันมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (โดยเฉพาะนักการเมือง)

นอกจากความซึ้งเหล่านี้แล้ว ยังมีความสนุกอีกมากในเบิร์ด เบิร์ด ครั้งที่ 11...ตั้งแต่การออกมาร้องและเต้นได้อย่างเหลือเชื่อของ เจ้าแม่นาคี แต้ว ณฐพร นางเอกดังของช่อง 3 รวมทั้งการกลับมารวมตัวกันของ นัท มีเรีย แคทรียา อิงลิช และ จินตหรา พูนลาภ ในเพลง แฟนจ๋า สุดยอดเพลงฮิตอีกเพลงของธงไชย

ยังไม่หมดครับ ยังมีสาวน้อยเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 มาเป็นดารารับเชิญพร้อมกับเพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ที่เบิร์ดร่วมร้องและเต้นด้วยอย่างไม่ขัดเขิน แม้วัยจะต่างกันเกินกว่า 3 ทศวรรษก็ตาม

ต้องขอบันทึกไว้เลยว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุด ถูกใจแฟนเพลงรุ่น 30 อัปถึง 70 อัป อย่างผู้เขียน ซึ่งเป็นผู้อุดหนุนส่วนใหญ่มากที่สุด

ขอสรุปอย่างนี้ก็แล้วกันนะครับว่า ตลอด 32 ปีที่ผ่านมา มีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ด เบิร์ด ทั้งหมด 11 ครั้ง หรือเฉลี่ยประมาณ 3 ปีต่อ 1 ครั้ง

ดูจากพละกำลังและเรี่ยวแรงที่ยังเต้นได้ตลอด 3 ชั่วโมง และน้ำเสียงที่ยังไม่มีอะไรแหบพร่าแม้แต่นิดเดียวของเขาในการแสดง

ครั้งนี้...ผมมั่นใจว่าอาจมีเบิร์ด เบิร์ดครั้งที่ 12 และ 13 ได้อีกอย่างแน่นอน

หรืออาจจะไปถึงครั้งที่ 15 ครั้งที่ 16 ก็ได้นะครับ เพื่อฉลองตอนธงไชย แมคอินไตย์ อายุ 72 ปีบริบูรณ์ (ตอนนั้นถ้าผมยังอยู่ก็ 89 พอดี จะกระเตงร่างไปดูและดิ้นกับเบิร์ดได้ไหมเนี่ย?)

“ซูม”