ศาลสั่งจำคุกอ่วม 79 คน ขบวนการ “ดร.ก๊ก” กับพวกระดับบริหาร โกง 6 สหกรณ์ครู อ้างลงทุนโควตาลอตเตอรี่ เสียหาย 5 พันล้าน...
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ศาลอ่านคำพิพากษา คดีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเชียงราย จำกัด ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนนทบุรี, สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสกลนคร, สหกรณ์ออมทรัพย์ครูราชบุรี, สหกรณ์ออมทรัพย์ครูยโสธร และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท เทวาสิทธิ พิฆเนศ จำกัด กับพวกรวม 110 คน เป็นจำเลย มีจำเลยสำคัญคือ นายศรีสุข รุ่งวิสัย อดีตสมาชิกวุฒิสภา จำเลยที่ 3, นายก๊ก หรือดร.ก๊ก ดอนสำราญ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำกัด จำเลยที่ 5, นายสุรศักดิ์ ยศปัญญา ผู้จัดการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำเลยที่ 6 เป็นต้น ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันเป็นผู้มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต ตาม พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 342, 352, 353
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2553-12 พ.ย. 2554 จำเลยหลอกลวงสมาชิกสหกรณ์ฯ และคนอื่นๆ ไปทำการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลให้สมาชิกสหกรณ์จำหน่ายเพื่อเป็นสวัสดิการ แต่ไม่นำสลากดังกล่าวมาเป็นสวัสดิการของสมาชิกแต่อย่างใด มูลค่าเสียหายประมาณ 5,000 ล้านบาท ขณะที่ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลสั่งยกฟ้องจำเลยที่ 60-75 โดยระหว่างนั้นมีการถอนฟ้องจำเลยที่ 2, 4, 17, 30, 33, 37, 38, 59 รวม 8 คน ส่วนจำเลยที่ 47 เสียชีวิตระหว่างสืบพยาน และจำเลยที่ 1, ที่ 3 (นายศรีสุข รุ่งวิสัย), ที่ 8 และ ที่ 14 หลบหนีศาลให้ออกหมายจับปรับนายประกัน ทำให้ในชั้นพิจารณาเหลือจำเลยทั้งสิ้น 81 คน
ศาลพิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งหมดเป็นนิติบุคคลดำเนินการตามวัตถุประสงค์ภายใต้กฎหมายสหกรณ์ เมื่อช่วงปี 2553 นายก๊ก จำเลยที่ 5 ชักชวนผู้บริหารสหกรณ์ครูหลายแห่งมาสัมมนาแนะนำโครงการบริหารเงินสหกรณ์ เพื่อสร้างสวัสดิการแก่ครูสมาชิก ด้วยการเอาเงินสหกรณ์ที่เป็นเงินของครู แต่บริหารโดยประธานสหกรณ์และกรรมการสหกรณ์ที่ล้วนเป็นจำเลยในคดีนี้เป็นคนบริหารเงินแทน โดยแจ้งว่าบริษัทจำเลยที่ 1-2 มีโควตาจัดสรรลอตเตอรี่ให้กับนิติบุคคลรายใหญ่ หรือสมาคมมาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บริษัทจะขายสิทธิ์ให้กับสหกรณ์ เพื่อเอาโควตานี้ไปจัดหาสลากมาขายปลีกแก่สมาชิกในราคาลดพิเศษ เพื่อเป็นรายได้แก่สมาชิก โดยให้รับโควตาไปรายละ 200-700 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนสลาก
...
ทั้งนี้ ทางบริษัทจะรับสลากไปกลับขายให้แทนเพื่อความสะดวก หรือสหกรณ์จะรับไว้ขายเองก็ได้ แต่ขอคิดค่าบริหารจัดการเป็นสลากเล่มละ 100 บาท แบ่งจ่ายเป็นรายงวดๆ ละประมาณ 100 ล้านบาท โดยมีประธาน รองประธาน กรรมการสหกรณ์เป็นผู้ลงนามกับจำเลยที่ 1-2 แล้วพวกจำเลยระดับบริหารผู้บริหารสหกรณ์จะออกเช็คธนาคารพาณิชย์หลายฉบับ ค้ำประกันหนี้ที่รับสลากกลับคืนไปขายให้แทน แต่ต่อมาโจทก์พบว่าพวกจำเลยไม่ได้เอาเงินไปซื้อขายลอตเตอรี่จริง เมื่อไปทวงถามกลับถูกบ่ายเบี่ยง
พยานโจทก์มีผู้แทนสหกรณ์และพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เบิกความสอดคล้องกันถึงรายละเอียดวิธีการหลอกลวงที่จะให้ตกลงซื้อโควตา โดยจ่ายเงินเป็นงวดๆ นอกจากนี้ยังฟังได้ว่าในการหลอกลวงดังกล่าวพวกจำเลยสลับเปลี่ยนจุดรับสลากเพื่อไม่ให้ทราบว่าใครเป็นใคร สลากอะไร ทำให้พยานบางคนเริ่มสงสัย ตรวจพบว่า บริษัทจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับโควตาลอตเตอรี่จากรัฐบาล ส่วนบริษัทอื่นมีโควตาสลากแค่ 15 เล่ม แต่ในวันสัมมนาบอกว่ามี 180,000 เล่ม แล้วเอามาหมุนเวียนขายกับผู้แทนสมาชิกไปเรื่อยๆ ขณะที่มีพยานคนหนึ่งไปรับสลากมาเองแอบทำตำหนิในสลาก พบว่ามีสลากหมุนเวียนกันจริงๆ เชื่อว่าถูกหลอกลวงจึงไปขอเงินคืน และแปลกใจที่จำเลยที่ 5 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีส่วนตัวนับร้อยล้านบาท รวมทั้งญาติสนิทของจำเลยด้วย จากนั้นจำเลยเริ่มไม่ส่งสลากตามงวด หรือไม่มีการส่งเงินคืนสหกรณ์ตามที่ตกลงกัน ทำให้ครูที่เป็นสมาชิกเดือดร้อน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของพวกจำเลยเป็นการกระทำผิดฐานเป็นคณะกรรมการดำเนินการ และผู้จัดการสหกรณ์ในแต่ละสหกรณ์ของตน ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สิน กระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 343 วรรคแรก พิพากษาให้ลงโทษฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน รวม 5 กระทง จำคุกจำเลยที่ 5-7, 9-12 คนละ 5 ปี รวมคนละ 25 ปี สำหรับจำเลยที่ 16, 18-29, 31-32, 34-36, 39-46, 48-54, 76-90, 95-106 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จำคุกคนละ 5 ปี และฐานเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นกระทำผิดหน้าที่ของตน คนละ 5 ปี รวมคนละ 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 55-58, 91-94, 107-110 ฐานเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินฯ จำคุกคนละ 3 ปี
ทางนำสืบของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 5-7, 9-12 รวมคนละ 15 ปี 20 เดือน, คงจำคุกจำเลยที่ 16, 18-29, 31-32, 34-36, 39-46, 48-54, 76-90, 102, 104-106 รวมคนละ 6 ปี 8 เดือน, คงจำคุกจำเลยที่ 55-58, 91-94, 107-110 คนละ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 13, 15 ให้ยกฟ้อง ทั้งนี้ จำเลยที่ 95-101, 103 คงจำคุกไว้ตามเดิมรวมคนละ 10 ปี
ภายหลังจำเลยทั้ง 79 คน ที่ศาลพิพากษาจำคุก ได้ยื่นหลักทรัพย์มูลค่า 400,000-800,000 บาท เพื่อขอประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป.