ภายหลังสื่อหลายสำนักได้นำเสนอบทสัมภาษณ์ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 ลูกชายแท้ๆ ของ นายประสิทธิ์ มากประดิษฐ์ (ผู้เป็นพ่อ) ซึ่งถูกฆ่าโหดเสียชีวิตเมื่อปี 2541 พร้อมด้วยพี่เขย อย่างโหดเหี้ยมทารุณ กระทั่งต่อมา ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ สอบเข้าเป็นตำรวจ ค้นหาข้อมูลการฆาตกรรมพ่อ ก่อนประสานกองปราบปรามบุกเข้าจับกุมเมื่อวานนี้
ข้อมูลที่ออกสู่สายตาประชาชน เป็นเพียงบทสัมภาษณ์ของ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 ซึ่ง ณ ขณะนั้นวันที่พ่อถูกฆ่า ตัวเขาเองยังเด็กมาก อายุเพียง 1 ขวบ 5 เดือน จึงอาจจะมีความสับสนทางข้อมูลเล็กน้อย ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ เปิดใจสัมภาษณ์นางรัชนี มากประดิษฐ์ อายุ 48 ปี แม่ของ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ ย้อนเล่าเรื่องราว 20 ปี การสูญเสียคนในครอบครัว ยังฝังอยู่ในอกจดจำไม่เสื่อมคลาย
- 4 ธันวาคม 2541 วันสามีออกจากบ้านหายตัวลึกลับ -
"จำทุกอย่างได้ไม่เคยลืมสักนาที ขณะนั้นดิฉันเองอายุ 28 ปี ส่วนพ่อน้องอาร์ม อายุ 27 ปี ย้อนไปเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2541 พี่เขยของสามี คือนายชาณี ทองหีบ ซึ่งมีอาชีพขับรถ 10 ล้อบรรทุกไม้ ได้มาชวน นายประสิทธิ์ มากประดิษฐ์ สามีของดิฉัน ขนไม้ไปส่งที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีช่วงบ่าย ก่อนจะหายตัวลึกลับติดต่อไม่ได้ ขณะนั้นน้องอาร์มอายุเพียง 1 ขอบ 5 เดือน การสื่อสารและเทคโนโลยียังเข้าไม่ถึงมาก ได้แต่เฝ้ารอให้สามีกลับมา กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2541 ได้รับโทรศัพท์แจ้งจากทางบริษัทท่าแซะค้าไม้ บอกว่ารถบรรทุกสิบล้อคว่ำ แต่ไม่ได้แจ้งชะตากรรมของสามี และพี่เขยว่าเป็นอย่างไร ดิฉันพยายามทำทุกวิถีทาง แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อสามีได้"
...
- ข่าวหน้า 1 นสพ.ปรากฏภาพสามีถูกฆ่าโหดพร้อมพี่เขย -
"1 อาทิตย์ผ่านไป ดิฉันยังเฝ้ารอการกลับมาของสามี แต่ไม่มีข่าวดีใดๆ ความรู้สึกของเราซึ่งต้องเลี้ยงลูกลำพังเป็นห่วงกังวลใจหาย และนอนไม่หลับ กระทั่งเวลาผ่านมาครึ่งเดือน หลานสาวนำหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาให้ดูพร้อมกับถามว่า "นี่คือรูปสามีดิฉันใช่ไหม" ก็รู้สึกตกใจมากที่พบว่า สามีเราถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ส่วนน้องอาร์ม ณ ตอนนั้นไม่ได้อยู่ในท้องตามที่เขาให้ข่าวไป แต่เขาอายุได้ 1 ปี กับอีก 5 เดือน ยังไม่รู้เรื่องอะไรมาก เมื่อทราบว่าสามีถูกฆ่าตายแน่แล้ว จึงเดินทางไปขอดูศพที่โดยติดต่อไปยัง สภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าของพื้นที่"
- ศพถูกมูลนิธิฯ ฝังเพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร แถมตายในช่วงเครื่องบินตกที่สุราษฎร์ธานี -
"เหตุการณ์ครั้งนั้น เกิดขึ้นใกล้เคียงกับช่วงเครื่องบินตก ซึ่งเครื่องบินตกวันที่ 11 ธันวาคม 2541 ทางมูลนิธิฯเมื่อได้รับแจ้งจากตำรวจพื้นที่ก็นำศพไปฝังเนื่องจากเบื้องต้นไม่มีญาติมาขอรับศพ ดิฉันจึงไปติดต่อขอให้ขุดศพขึ้นมาเพื่อไปทำพิธีที่บ้าน การดำเนินเรื่องยาวนานเป็นสิบวันกว่าจะได้เผา ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมายเป็นหน้าที่ของตำรวจ สภ.พุนพิน ที่ต้องสืบหาคนร้ายที่ฆ่า การทำงานของตำรวจก็ทำเรื่อยๆ จนกระทั่งจับคนร้ายได้ 2 ราย ส่วนที่เหลือ (ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด) ตำรวจมีรายชื่อทั้งหมดตามหมายจับ ล่วงเลยมาจน 20 ปี ก็ยังไม่ได้จับสักที "
- ถูกฆ่าทารุณ มีดปาดคอ มัดมือไพล่หลัง ถุงพลาสติกคลุมหัว ไม่รู้ปมแค้นแน่ชัด -
"เราไม่รู้อะไรเลยในตอนนั้น รู้แค่สามีเราถูกฆ่าโหดเหี้ยมมาก เอาถุงพลาสติกมาคลุมหัว มือ 2 ข้างถูกมัดไพล่หลัง พี่เขยก็ถูกฆ่าปาดคอ นำศพไปหมกในสระน้ำริมทางบ้านท่าตะเภา ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนฆ่าเพราะอะไรตอนนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบดิฉันได้ แม้กระทั่งผู้ต้องหาที่เพิ่งจับไปล่าสุดเมื่อวานนี้ก็ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า แต่หากใครได้มาฟังคำบอกเล่าสภาพศพของสามีจะรู้ว่า มันโหดเหี้ยมทารุณมาก นอกจากที่ดิฉันเสียใจมากแล้ว ในสมองก็ได้แต่คิดว่า จะทำมาหากินเลี้ยงลูกลำพังได้อย่างไร"
...
- สู้ลำพัง ทำสวนปาล์มหาเลี้ยงลูก ส่งเรียนเป็นตำรวจตามความฝันพ่อ -
"ทำมาหากินคนเดียวเพื่อเก็บเงินส่งให้น้องอาร์มเรียนจนจบ กระทั่งสอบติดเข้าเป็นตำรวจตามความฝันของพ่อเขา อันนี้คือความตั้งใจจริงๆ นะ แต่ถามว่าจะเป็นตำรวจเพื่อมาล้างแค้นหรือมาจับฆาตกรที่ฆ่าพ่อเขาหรือเปล่า อันนี้ไม่ใช่จุดประสงค์หลัก เพราะพ่อเขาพูดไว้ตั้งแต่ก่อนถูกฆ่าตายแล้วว่าอยากให้ลูกชายเป็นนายตำรวจ กระทั่งเมื่อลูกสอบติดตามความฝัน จึงตัดสินในกลับไปหาข้อมูลรื้อคดีติดตามคนที่ฆ่าพ่อ เนื่องจากมีชื่อตามหมายจับของ สภ.พุนพิน ที่สำคัญก่อนที่ผู้ต้องหาคนนี้จะถูกจับเขาเคยมาป้วนเปี้ยนที่บ้าน ทำให้ดิฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย เหตุนี้เองลูกชายจึงเร่งตามคดี ประสานกองปราบปราม เข้าจับกุม"
- ไม่รู้เพราะอะไร ตำรวจมีหมายร่วม 20 ปี แต่คนร้ายรายนี้ไม่ถูกจับ -
"ดิฉันเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร คิดว่าเรื่องมันผ่านเลยไปแล้ว ที่สำคัญตำรวจก็ยังไม่ได้จับ คิดว่าก็ต่างคนต่างอยู่กันไป กระทั่ง ผู้ต้องหากลับเข้ามาในพื้นที่อาศัยของดิฉันในท่าแซะ ก่อนจะมาตะโกนเรียกหน้าบ้านทำนองคุกคาม น้องอาร์ม รู้สึกเป็นห่วงแม่ จึงรีบออกสืบสวนติดตามตัว และพอเขารู้ว่าน้องอาร์ม เป็นตำรวจเขาก็เริ่มจะเกรงกลัวหลบหนีหายไปไม่มาคุกคามที่บ้านอีก ต่อมาสืบทราบว่า ผู้ต้องหา มารับจ้างขับรถไถที่สวนปาล์ม หมู่ 2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ลูกชายจึงประสานกองปราบจับกุม"
- ตำรวจพื้นที่ไม่ให้ความสำคัญ ประสานกองปราบช่วยเข้าจับ -
"ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท้องที่เขามีเหตุผลความจำเป็นหรือความไม่พร้อมทางด้านไหนถึงไม่ดำเนินการต่อเนื่อง ปล่อยให้คนร้ายหลบหนีมากว่า 20 ปี และน้องอาร์มก็ไม่ได้เล่าว่าทำไมถึงไปประสานตำรวจกองปราบ แต่ที่แน่ๆ ข้อมูล่าสุดทราบมาว่า คนร้ายรายนี้ เป็นลูกน้องนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง และรู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน ก่อนหลบหนีมารับจ้างขับรถไถที่บริเวณสวนปาล์ม กระทั่งประสานตำรวจกองปราบปรามจับกุมดังกล่าว"
...
- ปฏิเสธไม่ได้ฆ่า ถ้าไม่ได้ทำรู้สึกสงสาร เพราะเขาแก่มาก ต้องไปใช้ชีวิตในคุก -
"เห็นใจนะ แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อมีชื่อในหมายจับของตำรวจว่าร่วมกันฆ่า ส่วนที่เขาปฏิเสธก็เป็นสิทธิ์ของเขา หากไม่ได้ทำจริงๆ ก็สงสารเขาเพราะแก่มากแล้ว ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกอย่างไร ทั้งนี้เชื่อว่า กระบวนการยุติธรรมจะช่วยพิสูจน์ทุกอย่างให้ชัดเจนขึ้น"
**จนถึงวันนี้ ถึงแม้ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผบ.หมู่.กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 จะได้เดินตามความฝันของพ่อแล้ว เขายังสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ฆ่าพ่อของเขาได้อีกด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงค้างคาใจคนในครอบครัวไปตลอดชีวิต นั้นคือสาเหตุปมฆ่า เพราะอะไรจึงต้องฆาตกรรมกันโหดเหี้ยมเช่นนี้ แต่ในเมื่อผู้ต้องหาไม่เปิดปากรับสารภาพใดๆ ปมเหตุที่ฆ่าคงต้องติดอยู่ในใจครอบครัวผู้ตายไปตราบนานเท่านาน.
...