เนื้อหาบางช่วงบางตอนของละคร “เลือดข้น คนจาง” ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับคดีดังที่เกี่ยวพันกับ “ตระกูลธรรมวัฒนะ” และในเรื่องราวมรดกเลือดอันยืดยาวมหากาพย์นี้ มีความขัดแย้งที่เจือไปด้วยความรัก ความน้อยอกน้อยใจของสายสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูก ที่อื้อฉาวที่สุด ณ เวลานั้น ทีมข่าวเจาะประเด็น ย้อนเล่าให้ฟัง...

“ลูกคนหนึ่งตัดได้ ไม่เสียใจ...” คำกล่าวจากนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ “เศรษฐินีพันล้าน” เจ้าของตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ ดอนเมือง

ห้างทอง นัยนา และสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ
ห้างทอง นัยนา และสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ

ช่วงปลายปี 2531 สุวพีร์ ประกาศตัดขาด น.ส.นัยนา ธรรมวัฒนะ ลูกสาว ออกจากกองมรดกอย่างไร้เยื่อใยทันทีที่สมรสกับ พ.ต.ต.สมาน ตามประกอบ สว.สส.สน.ดอนเมือง (ตำแหน่ง ณ ขณะนั้น)

...

“ไม่ได้รังเกียจความจน แค่มีพร้าเหน็บหลังมาเล่มเดียวก็ยอมรับได้ แต่ขณะนี้ตัด น.ส.นัยนา ออกจากกองมรดกแล้ว ทรัพย์สินพวกทองรูปพรรณ เครื่องเพชร เครื่องประดับฉันได้ติดตามยึดเอาคืนมาหมด ยังเหลือโฉนดที่ดินอีกหลายแปลง” นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ เศรษฐินีพันล้าน กล่าวด้วยอารมณ์โกรธจนมิอาจกลั้น

บ้านธรรมวัฒนะ
บ้านธรรมวัฒนะ

แม้ว่าก่อนหน้านี้ นัยนา ผู้เป็นลูก จะเคยเดินทางเข้าพบ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ณ ขณะนั้น ซึ่งเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ เพื่อให้ช่วยเจรจากับผู้เป็นแม่ให้ “ไฟเขียว” แต่นางสุวพีร์ก็หายอมคล้อยตามไม่...

ตรงกันข้าม นัยนา และ พ.ต.ต.สมาน กลับต้องยินยอมตกลงสัญญาว่า พิธีสมรสจะไม่เริ่มขึ้น โดยจะยืดเวลาออกไปอีก 6 เดือนข้างหน้าตามคำเรียกร้องของนางสุวพีร์

กระทั่งวันที่ 9 มกราคม 2532 เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อทั้ง นัยนา และ พ.ต.ต.สมาน ได้ทำพิธีสมรสกันเงียบๆ พร้อมกับคู่บ่าวสาวได้หลบมรสุมออกไปฮันนีมูนต่างจังหวัด ทำให้นางสุวพีร์ ผู้เป็นแม่เป็นเดือดเป็นแค้นอย่างมาก ถึงกับประกาศตัดขาด นัยนา ลูกสาวคนที่ 7 ของครอบครัวออกจากกองมรดกพันล้านทันที

น.ส.นัยนา ธรรมวัฒนะ
น.ส.นัยนา ธรรมวัฒนะ

ทั้งนี้ นางสุวพีร์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตนรู้สึกเสียใจมากที่บุตรสาวดำเนินการไปโดยลำพัง มิได้ปรึกษาหารือหรือแจ้งให้ทราบก่อน เป็นการขาดสัมมาคารวะ ขาดความกตัญญู และขัดต่อจารีตประเพณีที่ดี จึงไม่ขอรับ น.ส.นัยนา ในฐานะบุตรสาวอีกต่อไป

ความร่ำรวยมหาศาลของนางสุวพีร์ เป็นที่เลื่องลือรู้จักกันดีไม่เพียงแต่คนในย่านสะพานใหม่ ดอนเมืองเท่านั้น หากแต่นายห้างใหญ่ นายธนาคาร นักธุรกิจเงินล้าน หรือนักการเมืองชั้นนำของประเทศ ล้วนแต่รู้กิตติศัพท์แห่งความมั่งคั่งของเศรษฐินีคนนี้ดี เพราะการเก็บเงินค่าเช่าทุกบาททุกสตางค์จากผู้ใช้พื้นที่ตลาดยิ่งเจริญทำมาหากิน นับวันมีแต่จะสร้างความมั่งคั่งและทำให้นางสุวพีร์เป็นที่รู้จักของสังคมระดับสูง เป็นที่เกรงอกเกรงใจของคนหลายวงการ

...

แม้ว่าลูกชายและหญิงในครอบครัวทั้ง 9 คน จะเติบโตมีครอบครัวเป็นหลักเป็นฐานกันไปหมดแล้ว แต่ ณ เวลานั้น “มรดกพันล้าน” ก็ยังไม่ถูกแบ่งสันปันส่วนให้แก่ลูกคนใดทั้งสิ้น

ธรรมชาติของเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ย่อมต้องหวาดหวั่นการสูญเสียทรัพย์สินมากที่สุด ฉะนั้น การแต่งงานร่วมหอลงโรงของลูกชายและลูกสาวในตระกูลนี้ จึงมิใช่เรื่องที่จะทำได้โดยอำเภอใจ เพราะดูเหมือนสิ่งที่เศรษฐินีหวาดหวั่นอย่างยิ่งก็คือ “ลูกๆ ถูกปอกลอก”

พ.ต.ท.สมาน ตามประกอบ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
พ.ต.ท.สมาน ตามประกอบ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

ภายหลังจากที่ นัยนา ถูกตัดออกจากกองมรดก เธอและ พ.ต.ต.สมาน ผู้เป็นสามี ได้ก่อสร้างเรือนหอชื่อ “บ้านคล้ายฝัน” ราคาหลายล้านบาท เอาไว้ในย่านบางเขน

ถัดมาไม่มานาน 22 เมษายน 2533 นางสุวพีร์ ผู้เป็นแม่ เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง แต่ก่อนที่เศรษฐินีจะสิ้นใจ นางสุวพีร์ ได้พยายามใช้ปากกาเขียนตัวหนังสือใส่กระดาษให้ลูกๆ ไว้ว่า "รักสามัคคี"

...

นายเทอดชัย ธรรมวัฒนะ หรือผู้ใหญ่แดง พี่ชายคนโตของตระกูล ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อว่า “แม่ได้ยกโทษให้ นัยนา และยังไว้ใจให้ นัยนา เป็นผู้จัดการมรดก เพราะแม่เห็นว่านัยนาเป็นคนที่เข้ากับพี่น้องได้ทุกคน”

จากนั้น ได้มีการเปิดพินัยกรรมเพื่อแบ่งสมบัติให้ลูกๆ ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่นางนัยนาที่ถูกตัดขาดออกจากกองมรดกก็ได้รับส่วนแบ่งนี้เช่นกัน...

หลังการเสียชีวิตของผู้เป็นแม่ได้เพียง 15 วัน ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปสู่ความสุข ทว่า ข่าวร้ายก็มาเยือนพี่น้องธรรมวัฒนะอีกครั้ง....

...

ชาวบ้านเมืองกาญจนบุรีคนหนึ่ง ดันไปพบรถเก๋งจอดหัวทิ่มอยู่ในคลองเล็กๆ มีน้ำขัง สังเกตเห็นมีศพอยู่ภายในรถบริเวณเบาะหลังคนขับ มีกระดาษหนังสือพิมพ์ และร่มสีชมพูปิดทับ ต่อมาทราบชื่อผู้ตาย คือ “นัยนา ตามประกอบ” ทายาทเศรษฐินีพันล้าน เจ้าของตลาดยิ่งเจริญ

สภาพศพของนัยนา นอนคว่ำหน้าคุดคู้อยู่บริเวณเบาะหลังคนขับ ถูกใส่กุญแจมือทั้งสองข้างเอาไว้กับข้อเท้า ศีรษะถูกทุบน่วมด้วยของแข็ง คอหักหมุนได้รอบ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพุ่งเป้าการตายไปที่ญาติพี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่า สาเหตุการตายของนัยนา อาจเกี่ยวพันถึงการชิงมรดกจำนวนมหาศาล

พี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะ ทายาทมรดกพันล้าน เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า พี่น้องทุกคนยังรักใคร่กันดี พร้อมทั้งตั้งรางวัลให้ผู้ที่สามารถชี้เบาะแสการตายของนัยนา 2 ล้านบาท
พี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะ ทายาทมรดกพันล้าน เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า พี่น้องทุกคนยังรักใคร่กันดี พร้อมทั้งตั้งรางวัลให้ผู้ที่สามารถชี้เบาะแสการตายของนัยนา 2 ล้านบาท

75 วันต่อมา หลังการตายของ นัยนา มีคำสั่งเด้ง พ.ต.ท.สมาน สามีนัยนา ไปช่วยราชการที่อื่น เพื่อเปิดทางให้ทีมสอบสวนได้ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะถ้า พ.ต.ท.สมาน ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ สน.ดอนเมือง จะทำให้การสอบสวนเป็นไปอย่างยากลำบาก

“จะไม่ยอมให้น้องสาวตายฟรี เพราะสิ่งแวดล้อมมันส่อว่าเป็นการกระทำของคนใกล้ชิด...” เสียงเพรียกขอความยุติธรรมจากบรรดาพี่น้องธรรมวัฒนะ

พี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะ ประกาศให้รางวัลผู้ชี้เบาะแสคนร้ายคดีผู้ใหญ่แดง (ต่อมา ผู้ใหญ่แดงถูกอุ้มหายลึกลับ) และนัยนา ให้รางวัลคดีละ 5 ล้านบาท
พี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะ ประกาศให้รางวัลผู้ชี้เบาะแสคนร้ายคดีผู้ใหญ่แดง (ต่อมา ผู้ใหญ่แดงถูกอุ้มหายลึกลับ) และนัยนา ให้รางวัลคดีละ 5 ล้านบาท

โดยการสอบสวนทราบว่า สามีภรรยาคู่ (นัยนา-พ.ต.ท.สมาน) นี้จะไปไหนมาไหนด้วยกันทุกวัน แต่วันเกิดเหตุ พ.ต.ท.สมานกลับไม่สนใจหรือถามหา ทั้งยังไปปรากฏตัวอยู่ที่ตลาดยิ่งเจริญ เหมือนสร้างสถานที่อยู่ และยังมีสิ่งสงสัยอีกหลายประการ เช่น ไม่มีสีหน้าตกใจเมื่อทราบข่าว และเมื่อเดินทางไปกาญจนบุรี กลับไม่สนใจจะไปดูศพก่อนว่าเป็นภรรยาหรือไม่ และที่สำคัญ เมื่อเข้าเครื่องจับเท็จแล้ว พ.ต.ท.สมาน น่าสงสัยมากที่สุด!

พ.ต.ท.สมาน สามีนัยนา และญาติพี่น้องของนัยนา ทำพิธีบรรจุศพ
พ.ต.ท.สมาน สามีนัยนา และญาติพี่น้องของนัยนา ทำพิธีบรรจุศพ

แต่ถึงที่สุดคดีนี้ก็ถูกปิดลงที่...

ไม่สามารถหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้ ขณะที่ สามีของนัยนาขอย้ายตัวเองไปรับราชการในพื้นที่อันห่างไกล พร้อมกับเปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่หมด แต่ในที่สุด เขาก็ยังได้รับผลกระทบเมื่อรถยนต์ส่วนตัวถูกลอบวางระเบิด แต่เดชะบุญที่ พ.ต.ท.สมาน ไม่ได้รับอันตราย และถึงที่สุดคดีนี้ก็ยังหาตัวคนผิดมาลงโทษไม่ได้...