ลวงคนบริจาค ให้ชดใช้43ล้าน คดี‘ชำเรา’จ่อคิว
ศาลพิพากษาจำคุก “อดีตหลวงปู่เณรคำ” 114 ปี แต่ติดจริงแค่ 20 ปี ชดใช้เงินกว่าสี่สิบล้าน ฐานฉ้อโกงประชาชน-ฟอกเงิน-พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ บรรยายฟ้องระบุอ้างนิมิตถึงพระอินทร์ให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากหยกเขียวนำเข้าจากอิตาลี กลับนำเงินบริจาคไปซื้อรถหรู รถซุปเปอร์คาร์นับ 10 คัน ทำตัวเป็นพระไฮโซนั่งเครื่องบินเจ็ตตระเวนแสดงธรรมใช้ชีวิตอู้ฟู่ ยังเหลือคดีกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ที่จะตัดสินในเดือน ต.ค.นี้ ขณะที่เจ้าตัวยังฟุ้งบอกญาติโยมติดคุกสบายเพราะใจสบาย ได้รับน้องใหม่พระผู้ใหญ่คดีเงินทอนวัดในเรือนจำ
ศาลตัดสินคดีฉาวสะท้านวงการสงฆ์ไทยของ “หลวงปู่ไฮโซ” ที่ศาลอาญาเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ส.ค. ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายวิรพล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ สุขผล อายุ 39 ปี เป็นจำเลยความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 หลบหนีคดีด้วยเครื่องเจ็ตส่วนตัวไปลี้ภัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทางการไทยประสานขอสหรัฐฯส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อดีตพระเณรคำเดินทางถึงศาลอาญาช่วงเช้าด้วยรถบัสกรมราชทัณฑ์ อยู่ในชุดนักโทษสีน้ำตาลถุงเท้าสีขาวตามกฎระเบียบของนักโทษ สีหน้าอิ่มเอิบทรงผมเหมือนพระสึกใหม่ สวมแว่นเหลี่ยมสีชาเดินก้มหน้าลงจากรถตรงเข้าที่พักนักโทษใต้ถุนศาล โดยมีศิษยานุศิษย์มายืนรอรับจำนวนมาก
เมื่อถึงเวลาฟังคำพิพากษาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 นายนำตัวขึ้นไปที่ห้องพิจารณาคดี 713 มีญาติธรรมมารอต้อนรับ อดีตพระเณรคำมีสีหน้าแช่มชื่นยิ้มแย้มพูดคุยกับญาติโยมส่วนใหญ่เป็นสีกาวัยดึกด้วยคำพูดเหมือนยังอยู่ในสมณเพศว่า “ในคุกสบายดี มีญาติโยมที่เคยฟังธรรมติดคุกหลายคน คนในคุกจิตใจดีกว่าบางคนที่อยู่ข้างนอก อย่างพระผู้ใหญ่กับพวก จนท.พศ.คดีเงินทอนวัดก็ทยอยเข้ามาติดคุกคนพวกนี้เคยตั้งโต๊ะแถลงข่าวจับ มีการทักทายรับน้องใหม่กัน เราใจสบายติดคุกนานก็ยังสบาย แต่ถ้าใจไม่สบายติดวันเดียวก็ทุกข์ใจ” อดีตหลวงปู่เณรคำกล่าวก่อนเข้าไปยืนในที่ของจำเลยก่อนที่ศาลจะเริ่มพิจารณาคดี
...
อัยการฟ้องนำสืบว่า เมื่อระหว่างวันที่ 17 ก.พ.52 - 27 มิ.ย.56 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชนบังอาจหลอกลวงว่า จำเลยนิมิตฝันพบองค์พระอินทร์ให้จำเลยสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลกและสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ ต้องใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี นำเข้าจากลุมพินีวันประเทศอินเดียสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า พร้อมสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ ก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้น ราคาต้นละ 3 แสนบาท รวมทั้งรูปหล่อพระทองคำปั้นรูปเหมือนหลวงปู่เณรคำ ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าขันติ–ธรรมสาขา 1 จ.อุบลราชธานี และให้สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งจัดซื้อเรือจากประเทศสหรัฐอเมริกาไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศ ชักชวนให้ประชาชนนำเงิน ทองคำและทรัพย์สินมาบริจาคที่วัดป่าฯ จัดตู้บริจาค 8 ตู้ รวมต้องใช้เงิน 150 ล้านบาท
นอกจากนี้ จำเลยใช้เว็บไซต์ www.Luang punenkham.com เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆจนมีผู้เสียหาย 29 รายหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สินต่างๆทั้งสิ้น 28,649,553 บาทและ 97 ล้านบาท จำเลยนำเงินที่ได้จากการฉ้อโกงไปซื้อรถยนต์มายบัคแบรนด์หรูจากสหรัฐอเมริกา รถยนต์ปอร์เช่ บีเอ็มดับบลิว โตโยต้าคัมรี่ รถตู้โตโยต้า รถปิกอัพ อย่างละคันและเดินทางไปแสดงธรรมด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวโดยทุจริต ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยมิได้ก่อสร้างตามที่โฆษณาไว้เลย เหตุเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี และ จ.เชียงใหม่ ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ฟอกเงิน และให้คืนเงิน 43 ล้านแก่ผู้เสียหาย 29 ราย ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ขณะพิจารณาอดีตพระเณรคำ จำเลย ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การอวดอ้างนิมิตถึงพระอินทร์หลอกลวงให้ประชาชนที่เคารพศรัทธาที่เป็นพุทธศาสนิกชนหลงเชื่อจนบริจาคเงินให้ รวมทั้งใช้เงินเกินความจำเป็นความเป็นสงฆ์ พยานโจทก์นำตัวอย่างพระแก้วมรกตไปตรวจสอบที่ ม.อุบลราชธานี พบว่าเป็นแค่หินปูนอีกทั้งยังไม่มีการก่อสร้างศาสนสถานจริงจัง ประชาชนที่ฟังธรรมหลงเชื่อบริจาคเงินแต่จำเลยกลับไม่ทำตามที่บอก ซ้ำยังอวดอุตริอ้างว่าเดินในน้ำได้ นอกจากนี้ จำเลยถูกดำเนินคดีฐานเสพเมถุนกับสตรีจนขาดจากความเป็นพระจนถูกปาราชิก เมื่อพ้นจากการเป็นพระยังไม่เลิกพฤติกรรมหลอกลวงประชาชน ส่วนที่จำเลยต่อสู้มาฟังไม่ขึ้นเป็นเพียงการเบิกความลอย ทั้งนี้ จำเลยถูกศาลแพ่งสั่งริบทรัพย์ 43,478,992 บาทไปแล้ว
ฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยนั้นผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป พิพากษาให้จำคุกฐานฉ้อโกงประชาชน มาตรา 343 รวม 29 กระทง กระทงละ 3 ปี รวม 87 ปี ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (1) เป็นเวลา 3 ปี และความผิด ฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ. ปปง. 12 กระทง กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 24 ปี รวมทั้งหมดจำเลยต้องจำคุก 114 ปี ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย ม.91 (2) ได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหาย 29 รายตามที่ฉ้อโกงไป ส่วนที่อัยการโจทก์ให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.2340/2560 ที่ถูกฟ้องกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญายังไม่มีคำพิพากษาในขณะนี้ จึงให้ยกคำขอนับโทษต่อ ซึ่งคดีชำเราเด็กหญิงศาลอาญาจะพิพากษาในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้
สำหรับประวัติหลวงปู่เณรคำ ชื่อเดิมคือนายวิรพล สุขผล เกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 ที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มีพี่น้อง 5 คน เป็นคนที่ 4 เป็นบุตรของนายรัตน์ สุขผล และนางสุดใจ สุขผล ฐานะครอบครัวยากจน เริ่มปฏิบัติตามแนวทางคำสอนตามศาสนาพุทธปฏิบัติจิต บำเพ็ญภาวนากรรมฐาน ด้วยวัยเพียง 6 ขวบ ทุกวันพระจะหยุดเรียน นุ่งขาวห่มขาวถือศีลบำเพ็ญภาวนาในวัด ตั้งแต่เช้าจดค่ำเดินจงกรมสลับกับการนั่งภาวนาใต้ร่มไทร นอนในป่าช้า ฝึกจิตตั้งมั่น ขณะศึกษาระดับมัธยมศึกษาหลังเลิกเรียนจะปักกลดบำเพ็ญภาวนาที่กระต๊อบกลางน้ำปลายนา
...
กระทั่งอายุได้ 15 ปี เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บวชเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2537 ที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มีหลวงปู่โชติ อาภัคโค เป็นพระอุปัชฌาย์ ไปจำพรรษาที่วัดป่าดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี จากนั้นเดินทางไปปักกลดอยู่ถ้ำภูตึก บ้านคุ้มปากมูล อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ในถ้ำภูตึกถึง 3 เดือน จากนั้นออกธุดงค์เผยแผ่หลักธรรมคำสอน หลวงปู่เณรคำไปกราบนมัสการหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ที่วัดอรัญบรรพต เดินทางต่อไปที่วัดหินหมากเป้งกราบนมัสการหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี จนได้ธรรมะชั้นสูง ต่อมาเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่าไป จ.เชียงใหม่ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.สุพรรณบุรี จนอายุครบเกณฑ์บวชพระ จึงเดินทางกลับมาวัดป่าดอนธาตุ เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2542 ได้รับฉายาว่า “ฉัตติโก” หรือ “พระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก” ก่อนเดินทางไป จ.ศรีสะเกษ ได้รับตำแหน่งประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ อวดอ้างอภินิหารชาติที่แล้วกับชาตินี้มีอายุรวมเป็นถึง “หลวงปู่” จนเรียกตัวเองว่า“หลวงปู่เณรคำ” เรื่อยมา
ก่อนที่จะสร้างความฮือฮาว่า นิมิตถึงพระอินทร์ ให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่วัดป่า ขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นข่าวหัวยักษ์หน้า 1 ทุกฉบับ ทีวีทุกสำนักให้ความสนใจไปทำข่าวจนโด่งดังไปทั่วโลก ต่อมามีภาพเซลฟี่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวตระเวนไปแสดงธรรม มีข้าวของเครื่องใช้เป็นของแบรนด์เนมจำนวนมาก นั่งรถซุปเปอร์คาร์และรถหรู จนชาวบ้านสงสัยในความร่ำรวย ก่อนถูกแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงเรี่ยรายเงินบริจาคสร้างองค์พระแก้วมรกต และยังมีเรื่องฉาวสั่นวงการพระพุทธศาสนา โดนแจ้งความจับในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี
...
ธุดงค์ไปที่บ้านโพธิ์ และมีความสัมพันธ์กับเด็กสาววัย 14 ปี และมีสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงสาวถึง 8 คน ปี 2553 ถูกจับขณะอยู่กับสีกายามวิกาลท้องที่ สภ.คำป่าหลาย จ.มุกดาหาร กระทั่งหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กระทั่งปี 2556 ศาลแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีคำสั่งให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนข้อหาพรากผู้เยาว์ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำเพื่อรอการตัดสินของศาล นับเป็นพระที่ทำวงการสงฆ์เสื่อมเสียไปทั่วโลก